ReadyPlanet.com


สิทธิในการรับราชการของข้าราชการทหารที่เสียชีวิตในหน้าที่


อยากจะทราบว่าบุตรของข้าราชการทหารที่เสียชีวิตในหน้าที่สามารถมีสิทธิในการเข้ารับราชการทหารเมื่อจบปริญญาตรีในฐานะทายาทได้หรือไม่ แล้วถ้าหากบิดาเสียชีวิตในปี2547 แล้วหากปรากฎว่าข้อบังคับที่ทายาทจะมีสิทธิในการทำงานเริ่มออกในปี2551 แล้วทายาทจะมีสิทธิได้เข้ารับราชการหรือเปล่าคะ ดิฉันไม่ทราบว่ากฎระเบียบข้อบังคับของทหารเป็นยังไงค่ะ มีนายทหารบอกมาว่าออกมาปี51อาจจะเข้ารับราชการไม่ได้ เลยอยากจะทราบข้อเท็จจริง



ผู้ตั้งกระทู้ ดาว :: วันที่ลงประกาศ 2011-04-06 11:06:05


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2167520)

ให้ทายาทของข้าราชการทหารหรือทหารกองประจำการที่เสียชีวิตได้รับสิทธิในการพิจารณาบรรจุหรือแต่งตั้งให้เป็นข้าราชการทหาร ทหารกองประจำการ พนักงานหรือลูกจ้างในหน่วยงานหรือวิสาหกิจของกระทรวงกลาโหม เพราะเหตุทดแทน

ให้ไว้ ณ วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

กฎกระทรวง
กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการบรรจุหรือแต่งตั้ง และการได้รับเงินเดือนของทายาทของข้าราชการทหารและทหารกองประจำการที่เสียชีวิตเนื่องจากการรบหรือการปฏิบัติหน้าที่ราชการพ.ศ. 2553

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 10/1 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร พ.ศ. 2521 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2551 และมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร พ.ศ. 2521 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ในกฎกระทรวงนี้
“ส่วนราชการ” หมายความว่า ส่วนราชการขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ
“พนักงาน” หมายความว่า พนักงานราชการตามระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยพนักงานราชการและพนักงานวิสาหกิจในความควบคุมของกระทรวงกลาโหม
“ลูกจ้าง” หมายความว่า ลูกจ้างประจำตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยลูกจ้างประจำและลูกจ้างที่ได้รับเงินค่าจ้างตามระเบียบกระทรวงการคลัง
“วิสาหกิจ” หมายความว่า กิจการที่อยู่ในความควบคุมและดูแลของกระทรวงกลาโหม
“ทายาท” หมายความว่า บุตร คู่สมรสที่มิได้สมรสใหม่ บิดาหรือมารดา
“ข้าราชการหรือทหารกองประจำการที่เสียชีวิต” หมายความว่า ข้าราชการทหารหรือทหารกองประจำการซึ่งได้รับคำสั่งให้ไปทำการรบหรือการปฏิบัติหน้าที่ราชการจนเป็นเหตุให้เสียชีวิตและการเสียชีวิตนั้นมิได้เกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือความผิดของตนเอง
“การรบ” หมายความว่า การปฏิบัติการทางทหารในสภาวะสงครามทั้งในและนอกราชอาณาจักร
“การปฏิบัติหน้าที่ราชการ” หมายความว่า การปฏิบัติตามภารกิจและอำนาจหน้าที่ในการสู้รบ หรือการต่อสู้ หรือการปราบปรามกบฏและการจลาจล หรือการปฏิบัติราชการลับ หรือการปฏิบัติราชการพิเศษตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนด หรือการปฏิบัติงานที่มีสภาพความเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตหรือถูกกระทำจากฝ่ายตรงข้าม ผู้ก่อความไม่สงบหรือผู้ก่อการร้าย เพื่อการพิทักษ์รักษาเอกราชและความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร พิทักษ์รักษาป้องกันสถาบันพระมหากษัตริย์ ผลประโยชน์แห่งชาติและการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การพัฒนาประเทศการป้องกันและแก้ไขปัญหาจากภัยพิบัติและการช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งการปฏิบัติการอื่นที่เป็นการปฏิบัติการทางการทหารนอกเหนือจากสงครามเพื่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด หรือตามมติคณะรัฐมนตรี

ข้อ 2 ให้ทายาทของข้าราชการทหารหรือทหารกองประจำการที่เสียชีวิตได้รับสิทธิในการพิจารณาบรรจุหรือแต่งตั้งให้เป็นข้าราชการทหาร ทหารกองประจำการ พนักงานหรือลูกจ้างในหน่วยงานหรือวิสาหกิจของกระทรวงกลาโหม เพราะเหตุทดแทน
ข้อ 3 ให้หัวหน้าส่วนราชการแต่งตั้งคณะกรรมการคณะหนึ่ง มีหน้าที่พิจารณาการได้รับสิทธิในการบรรจุหรือแต่งตั้งทายาทและการกำหนดจำนวนทายาทผู้จะได้รับสิทธิ รวมถึงตีความและวินิจฉัยปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น และผลการพิจารณาของคณะกรรมการให้ถือเป็นที่สุด
ข้อ 4 การพิจารณาบรรจุหรือแต่งตั้งทายาทของข้าราชการทหารหรือทหารกองประจำการที่เสียชีวิตนั้น ให้พิจารณาตามลำดับ ดังต่อไปนี้
(1) บุตร หากมีบุตรหลายคนให้พิจารณาบุตรที่มีอายุสูงสุดก่อนและถัดมาตามลำดับ
(2) คู่สมรสที่มิได้สมรสใหม่
(3) บิดาหรือมารดา
ในกรณีข้าราชการทหารหรือทหารกองประจำการที่เสียชีวิตไม่มีทายาทในลำดับนั้น ๆหรือมีแต่คุณสมบัติยังไม่ครบถ้วนที่จะบรรจุเข้ารับราชการหรือทำงานได้ ให้ทายาทในลำดับถัดไปเป็นผู้มีสิทธิ
การสละสิทธิของทายาทตาม (1) (2) และ (3) ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ และลงลายมือชื่อผู้สละสิทธิเป็นสำคัญ
ข้อ 5 ให้หัวหน้าหน่วยงานต้นสังกัดของข้าราชการทหารหรือทหารกองประจำการที่เสียชีวิตซึ่งมีทายาทอยู่ในวัยทำงาน ดำเนินการ ดังต่อไปนี้

(1) มีหนังสือสอบถามทายาทว่า ประสงค์จะขอบรรจุเข้าเป็นข้าราชการทหาร ทหารกองประจำการพนักงานหรือลูกจ้างในหน่วยงานหรือวิสาหกิจของกระทรวงกลาโหมหรือไม่ โดยให้ทายาทแจ้งความประสงค์ภายในหกเดือนนับแต่วันได้รับแจ้ง
(2) กรณีทายาทประสงค์จะขอบรรจุเข้าเป็นข้าราชการทหาร ทหารกองประจำการพนักงานหรือลูกจ้าง ให้ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การบรรจุหรือแต่งตั้ง ตามกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ และระเบียบที่เกี่ยวข้อง แล้วเสนอรายงานต่อคณะกรรมการในข้อ 3 เพื่อพิจารณาก่อนขออนุมัติหัวหน้าส่วนราชการดำเนินการบรรจุหรือแต่งตั้งทายาทต่อไป
การพิจารณาบรรจุหรือแต่งตั้งทายาทของข้าราชการทหารหรือทหารกองประจำการที่เสียชีวิตเป็นข้าราชการทหาร ทหารกองประจำการ พนักงานหรือลูกจ้างในหน่วยงานหรือวิสาหกิจของกระทรวงกลาโหม ให้พิจารณาบรรจุในโอกาสแรกที่สามารถดำเนินการได้ โดยทายาทจะต้องผ่านกระบวนการเลือกสรรตามแนวทางที่ส่วนราชการเห็นสมควร เพื่อให้ได้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถและคุณสมบัติที่เหมาะสมสอดคล้องกับตำแหน่ง
ข้อ 6 อัตราเงินเดือนของทายาทผู้ซึ่งได้รับการบรรจุหรือแต่งตั้งเป็นข้าราชการทหารให้เป็นไปตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหารและการให้ได้รับเงินเดือน พ.ศ. 2549 สำหรับอัตราเงินเดือนของทายาท ผู้ซึ่งได้รับการบรรจุหรือแต่งตั้งเป็นทหารกองประจำการ ให้เป็นไปตามคำสั่งกระทรวงกลาโหมเกี่ยวกับการกำหนดอัตราเงินเดือนของทหารกองประจำการ และอัตราเงินเดือนของทายาท ผู้ซึ่งได้รับการบรรจุหรือแต่งตั้งเป็นพนักงานหรือลูกจ้างในหน่วยงานหรือวิสาหกิจของกระทรวงกลาโหม ให้เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการนั้น
ให้ไว้ ณ วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2011-04-06 19:56:26



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล