โยกย้ายให้ไปอยู่ประจำต่างจังหวัดถึง2ครั้ง | |
กระผมทำงานบริษัทแห่งหึ่งมา11ปีแล้วต่อมามีการยุบสาขาและโยกย้ายให้ประจำต่างจังหวัดไกลจาก ครอบครัว220กิโลภายหลังจะมีคำสั้งให้ย้ายไปจังหวัดอื่นอีกซึ่งไกลประมาณ400กิโลในการโยกย้ายแบบนี้เราสามารถฟ้องอะไรได้บ้างหรือไม่.ถ้าได้สามรถฟ้องเรียกค่าชดเชยได้กี่เดือนครับ.อายุ52แล้วไปที่อื่นคงไม่มีใครรับเข้าทำงานแล้ว ขอบคุณครับ.
| |
ผู้ตั้งกระทู้ เจริญ :: วันที่ลงประกาศ 2011-07-19 20:36:53 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (2202441) | |
มาตรา 120 ในกรณีที่นายจ้างจะย้ายสถานประกอบกิจการไปตั้ง ณ สถานที่อื่นอันมีผลกระทบสำคัญต่อการดำรงชีวิตตามปกติของลูกจ้างหรือครอบครัว นายจ้างต้องแจ้งให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวันก่อนวันย้ายสถานประกอบกิจการ ในการนี้ ถ้าลูกจ้างไม่ประสงค์จะไปทำงานด้วยให้ลูกจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาจ้างได้ภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากนายจ้างหรือวันที่นายจ้างย้ายสถานประกอบกิจการ แล้วแต่กรณี โดยลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าชดเชยพิเศษไม่น้อยกว่าอัตราค่าชดเชยที่ลูกจ้างพึงมีสิทธิได้รับตามมาตรา 118 | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2011-08-04 09:08:28 |
ความคิดเห็นที่ 2 (2202443) | |
สิทธิได้รับค่าชดเชยพิเศษ | ย้ายสถานประกอบกิจการ ลูกจ้างยื่นคำขอให้คณะกรรมการสวัสดิการแรงงานพิจารณาว่า ที่ลูกจ้างไม่ประสงค์จะไปทำงานที่สาขานครพนมและลูกจ้างจะขอใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาจ้างแล้วจะมีสิทธิได้รับค่าชดเชยพิเศษ หรือไม่ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2011-08-04 09:14:49 |
ความคิดเห็นที่ 3 (2202445) | |
มาตรา 118 ให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้างดังต่อไปนี้ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2011-08-04 09:16:50 |
ความคิดเห็นที่ 4 (2202457) | |
คำสั่งพนักงานตรวจแรงถึงที่ที่สุด แต่เป็นกรณีโจทก์ไม่ประสงค์ไปทำงาน ณ สำนักงานใหญ่ตามที่จำเลยแจ้งย้ายสถานประกอบกิจการแก่โจทก์ตามมาตรา 120 วรรคหนึ่ง ซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับเพียงค่าชดเชยพิเศษเท่านั้น คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6552/2542
________________________________
จำเลยยื่นคำให้การ ศาลแรงงานกลางเห็นว่า จำเลยไม่ดำเนินการนำคดีมาสู่ศาลภายใน 30 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงาน ถือว่าคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงานเป็นที่สุด คำให้การของจำเลยจึงไม่มีประเด็นที่จะรับไว้พิจารณา มีคำสั่งไม่รับคำให้การ ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยจำนวน 54,900 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2541 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ในกรณีที่นายจ้าง ลูกจ้าง หรือทายาทโดยธรรมของลูกจ้างซึ่งถึงแก่ความตายไม่นำคดีไปสู่ศาลภายในกำหนด ให้คำสั่งนั้นเป็นที่สุด ปรากฏตามคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยว่า จำเลยไม่นำคดีมาสู่ศาล ภายใน 30 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งที่ 4/2541 ซึ่งวินิจฉัยว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์และสั่งให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์ คำสั่งดังกล่าวจึงถึงที่สุดตามกฎหมายข้างต้นจำเลยจะดำเนินการในศาลแรงงานกลางอีกไม่ได้ ซึ่งรวมตลอดถึงการให้การต่อสู้คดีด้วย ทั้งนี้โดยต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 8 วรรคท้าย ดังนั้น เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องเพื่อขอให้จำเลยปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงาน จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะต่อสู้คดีว่าคำสั่งที่ 4/2541 ไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยเหตุที่จำเลยมิได้เลิกจ้างอันทำให้โจทก์มีสิทธิได้รับค่าชดเชยตามมาตรา 118 วรรคหนึ่ง แต่เป็นกรณีโจทก์ไม่ประสงค์ไปทำงาน ณ สำนักงานใหญ่ตามที่จำเลยแจ้งย้ายสถานประกอบกิจการแก่โจทก์ตามมาตรา 120 วรรคหนึ่ง ซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับเพียงค่าชดเชยพิเศษเท่านั้น อันเป็นการโต้แย้งคำสั่งอันถึงที่สุดแล้วได้ ไม่จำต้องวินิจฉัยต่อไปว่าคำสั่งของศาลแรงงานกลางที่ไม่รับคำให้การของจำเลยชอบด้วยกระบวนพิจารณาหรือไม่ เพราะไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลง
( กมล เพียรพิทักษ์ - พิมล สมานิตย์ - วิรัตน์ ลัทธิวงศกร ) | |
ผู้แสดงความคิดเห็น * วันที่ตอบ 2011-08-04 09:40:08 |
[1] |