รบกวนสอบถามไขข้อข้องใจครับ คือผมซื้อทรัพย์ NPA ของธนาคาร และได้กู้และจำนองกับธนาคารเดิมเป็นที่ดินโฉนด 2 แปลง ต่อมาได้นำโฉนดไปยื่นขอรวมแปลงกับสำนักงานที่ดิน โดยธนาคาร(ผู้รับจำนอง) มีหนังสือให้ความยินยอมให้รวมโฉนดหากมีการดำเนินการนอกเหนือจากที่กล่าวแล้วให้ระงับการดำเนินการไว้ก่อน และเมื่อมีการดำเนินการสอบเขตเพื่อรวมแปลงปรากฎว่าด้านหน้าของที่ดินมีสภาพเป็นถนนคอนกรีตมีการทำถนนผ่าน(ถนนซอย)เพื่อผ่านไปบ้านของบุคคลอื่น ช่างรังวัดที่ดินจึงได้ตัดแบ่งเป็นทางสาธารณะประโยชน์โดยให้เจ้าของที่ดินทำหนังสือยินยอมให้ยกเป็นทางสาธารณะประโยชน์ และให้ผู้ใหญ่บ้านและ อบต.ลงนามรับรองด้วย เมื่อที่ดินได้ดำเนินการรวมโฉนดและทำหนังสือแจ้งไปยังธนาคารซึ่งเป็นผู้รับจำนอง ปรากฎว่าธนาคารได้ทำหนังสือยืนยันไม่ยินยอมให้ดำเนินการนอกเหนือจากการรวมโฉนด และทางสำนักงานที่ดิน(เจ้าพนักงานที่ดิน)ให้แนวทางการดำเนินการ(ทางวาจา) คือ 1.ที่ดินยืนยันจะต้องยกเป็นทางสาธารณะประโยชน์เท่านั้นหากทางธนาคารไม่ยินยอมยกให้เป็นทางสาธารณะประโยชน์จะไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้และจะยกเลิกการรวมโฉนด 2.ให้ทางเจ้าของที่ดินติดต่อให้ทางผู้ใหญ่บ้าน และ อบต.ให้ความยินยอมจึงจะสามารถดำเนินการรวมโฉนดต่อไปได้( อบต.และผู้ใหญ่บ้าน ไม่ยินยอม โดยอ้างหนังสือยินยอมจากเจ้าของที่ดินเดิม ทำในปี 2541 ให้ความยินยอมให้บุคคลอื่นใช้เป็นทางผ่านได้ตลอดไป โดยที่ธนาคาร(ผู้รับจำนองในปี 2538) ไม่รับทราบและให้ความยินยอม )  ประเด็นที่คาใจอยากสอบถามคือ

1.ทางสำนักงานที่ดินมีอำนาจดำเนินการนอกเหนือจากหนังสือยินยอมจากธนาคาร(ผู้รับจำนอง)ได้หรือไม่

2.ทางสำนักงานที่ดินมีอำนาจบังคับให้ธนาคารและลูกหนี้แบ่งแยกให้เป็นทางสาธารณะประโยชน์ได้ด้วยหรือ โดยอ้างว่าหากไม่ดำเนินการจะไม่สามารถรวมโฉนดให้ได้

3.หากไม่ได้รับความยินยอมจาก อบต.และผู้ใหญ่บ้าน แล้วจะไม่สามารถดำเนินการรวมโฉนดต่อไปได้ใช่หรือไม่

4.ทางสำนักงานที่ดินแต่และแห่งยึดระเบียบและมีมาตราฐานการดำเนินการเหมือนกันหรือไม่ หรือขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าพนักงานที่ดิน

5.หากเจ้าพนักงานไม่ดำเนินการรวมโฉนดให้ ค่าใช้จ่ายที่เสียไปจะได้รับคืนหรือใม่

6.เจ้าของที่ดินควรจะดำเนินการต่อไปอย่างไรดี