อยากทราบว่าในกรณีนายจ้างจะปิดกิจการ ลงเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2555 และได้ให้พนักงานเขียนใบลาออกลงวันที่ 15 พ.ค. 2555 และทางบริษัทแจ้งว่าจะจ่ายเงินช่วยเหลือให้ตามที่ขอมา และทางบริษัทจะแจ้งประกันสังคมว่าปิดกิจการสาขาหากไม่เขียนใบลาออกก็ต้องย้ายไปทำงานที่กรุงเทพฯโดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้าและถ้าใครไม่ไปทางบริษัทจะให้ออกและจะไม่จ่ายเงินช่วยเหลือเลย ตามความเข้าใจ หากนายจ้างจะบอกเลิกจ้างกับลูกจ้างควรจะต้องบอกกล่าวล่วงหน้า 30 วัน และจะต้องมีค่าชดเชยต่างๆ ที่เราต้องได้รับ ซึ่งในความเป็นจริงว่ามีให้เราเลือก 2 ทาง จะให้บริษัทไล่ออกหรือเซ็นต์ใบลาออกเอง โดยพนักงานส่วนใหญ่เป็นคนพื้นที่และไม่สะดวกที่จะย้ายที่ทำงานเข้ากรุงเทพฯ เพราะต่างก็มีภาระครอบครัว พนักงานเห็นว่านายจ้างต้องการเลิกจ้างจึงเป็นความประสงค์ของนายจ้างที่ไม่ต้องการให้ลูกจ้างทำงานต่อ แล้วจะให้ลูกจ้างมาเขียนหนังสือลาออกเองโดยพนักงานเขียนใบลาออกไว้แต่ในใบลาออกนั้นเขียนเหตุผลการลาออกว่าบริษัทปิดกิจการและทางบริษัทได้จ่ายเงินช่วยเหลือให้ตามที่ตกลงไว้ บริษัทแจ้งประกันสังคมว่าพนักงานลาออกไม่ได้แจ้งปิดกิจการสาขา ในกรณีที่พนักงานเขียนใบลาออกให้ก็เพราะเห็นว่าบริษัทตกลงจ่ายเงืนช่วยเหลือให้รวมกับเงินประกันสังคมที่จะได้รับในกรณีที่บริษัทปิดกิจการ พนักงานเห็นว่าพอรับได้ก็เลยเขียนใบลาออกให้ ในกรณีนี้ควรทำอย่างไรดีเพราะบริษัทไม่แจ้งว่าเลิกกิจการแต่กับแจ้งว่าลาออก บริษัทไม่ทำตามที่ขอกกล่าวไว้ โทรถามฝ่ายบุคคลเขาแจ้งว่าต้องส่งเรื่องให้ประกันสังคมตามความเป็นจริงเพราะพนักงานลาออกเอง แบบนี้พนักงานควรทำอย่างไรดี

เท่าที่ทราบ การจ่ายเงินชดเชยมี 2 กรณีคือ

1. ถ้าเขายอมเขียนใบลาออก ก็ถือเป็นการลาออกจากงานเงินที่บริษัทฯ จ่ายให้ ถือเป็นเงินได้เพระเหตุออกจากงาน (ไม่ใช่เงินชดเชยตามกฎหมาย) เงินที่จะจ่ายนี้จ่ายเท่าไหร่ก็ได้แล้วแต่ตกลง

2. ถ้าพนักงานไม่เขียนใบลาออก แล้วบริษัทให้ออก ต้องออกหนังสือเลิกจ้าง ถือเป็นกรณีเลิกจ้าง

ในกรณีนี้เป็นการเขียนใบลาออกให้เหตุผลว่าปิดกิจการสาขากรณีนี้สามารถยื่นคำร้องต่อประกันสังคมได้หรือไม่ โดยนำเอกสารสำเนาใบลาออกไปให้ที่่ประกันสังคม เพื่อจะได้รับสิทธิ์ผู้ประกันตนกรณีคนว่างงาน โดยได้รับ 180 วัน 50% ของเดือน

ขอบคุณค่ะ