ขอสอบถาม

         เมื่อประมาณ ปี 2552 ดิฉันได้ย้ายไปเช่าบ้านอยู่ที่อยุธยา (เนื่องจากมีฐานะยากจน) ต่อมาได้มีตาที่อยู่้บ้านติดๆ กัน ซึ่งมีที่่ดินทำนาในแบบปฏิรูป(ให้ทำนาอย่างเดียว ไม่อาจให้เช่า หรือ โอนให้ผู้อื่นได้นอกจาก ทายาท)แกสงสารเลยบอกให้ดิฉันไปปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของแก ส่วนเรื่องน้ำ-ไฟ ก็ต้องไปเดินเรื่องขอเอง และ ไม่เก็บค่าเช่าใดๆ เลย ดิฉันก็เลยไปปลูกบ้านหลังเล็กๆ อยู่ ซึ่งค่าน้ำ+ไฟ เป็นคนจ่ายแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่ให้ตาเจ้าของที่จ่าย เพราะถือว่าตาเข้ามีน้ำใจให้เราอาศัยอยู่ในที่ดินดังกล่าว ซึ่งตามีบุตร 1 คน และไม่นานตาก็เป็นมะเร็งตาย ซึ่งบุตรของตาบอกว่า จะขอยืมเงิน 8,000 บาท ถุ้าไม่มีเงินไปจ่ายค่าดอกที่นาจะถูกยึด  ดิฉันจึงให้ยืมไป 8,000 บาท และได้ทำเป็นหนังสือครอบครองสิทธิ (จะขอซื้อในส่วนที่ดิฉันอยู่ บริเวณที่ปลูกบ้าน ไม่ใช่ที่นาทั้งหมด) โดยจะจ่ายให้ 20,000 บาท ซึ่งหนังสือครอบครองสิทธินี้ ได้ระบุไว้โดยละเอียดว่าหากจะให้เลิกอยู่ จะต้องจ่ายค่าบ้านที่ปลูกไว้ และ ค่าลื้อถอด 

          ต่อมาบุตรของตาได้แจ้งดิฉันล่วงหน้าว่า หนูจะให้เขาเช่าทำนา ให้ดิฉัีนย้ายออก   ดิฉันก็ย้ายออกแต่โดยดีและขอเพียงเงินที่ขอยืมไป 8,000 บาทคืน (เนื่องจากตอนที่อยู่นั้นบุตรของตาก็ไม่ได้จ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟ ซึ่งดิฉันก็ยอมเพราะเราอยู่ในบริเวณที่ดินเดียวกัน ซึ่งก็ไม่มีปัญหาใดๆ) และตอนที่ดิฉันย้ายออก บุตรของตาก็บอกว่าหนูจะคือเงิน 8,000 บาท และ อีก 500 ที่ยืมไปต่างหากให้  

          ซึ่งในขณะนี้บุตรของตาก็ยังเพิกเฉยอยู่  ยังมิได้ให้เงินคืน ดิฉันจะนำหนังสือครอบครองสิทธิซึ่งมีทั้งพยานและอากรแสตมป์ ทำอย่างไรได้บ้างคะ เพราะเด็กคนนี้นิสัยไม่ดีและยังมีสามีติดยา อีกด้วย