ReadyPlanet.com


เช่าที่ดินปลูกบ้าน


อยู่กินกับฝรั่ง ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ฝรั่งทำหนังสือสัญญา เช่าที่ดินปลูกบ้านบนที่ดินของดิฉัน เป็นเวลา สามสิบปี คือ ๒๕๕๑ ถึง ๒๕๘๑ จ่ายค่าเช่าล่วงหน้าครั้งเดียวจบ หลังจากนั้น สี่ปี ทะเลาะกัน ฝรั่งต้องการขายบ้านที่สร้างบนที่ดินที่เช่า  ดิฉันคุยกันว่า ถ้าขายได้ ดิฉันต้องการส่วนแบ่ง หนึ่งล้านบาท  ฝรั่งบอกว่า ให้แค่ ห้าแสนบาท   คำถามคือ

๑ ถ้าฝรั่งไม่ให้ล้านบาท ดิฉันจะไม่เชนต์ ขายที่ดินได้มัย เพราะที่ดินเป็นชื่อดิฉัน 

๒ ดิฉันต้องทำอะำไรบ้าง เพื่อจะไม่เสียเปรียบเค้า 

๓ ตอนอยู่ด้วย ฝรั่งซื้อรถยนต์ และ  เป็นชื่อของดิฉัน  เค้ามีสิทธิเอาคืนได้มัย 

 



ผู้ตั้งกระทู้ ปิงปอง :: วันที่ลงประกาศ 2012-08-29 19:16:54


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2303229)

๑ ถ้าฝรั่งไม่ให้ล้านบาท ดิฉันจะไม่เชนต์ ขายที่ดินได้มัย เพราะที่ดินเป็นชื่อดิฉัน 

ตอบ - สามารถทำได้ครับ เพราะที่ดินเป็นของคุณครับ

๒ ดิฉันต้องทำอะำไรบ้าง เพื่อจะไม่เสียเปรียบเค้า 

ตอบ - ไม่ต้องทำอะไรเพราะเป็นเรื่องของเขาครับ เขาเสียหายอย่างไรก็ไปฟ้องร้องเอาเองครับ

๓ ตอนอยู่ด้วย ฝรั่งซื้อรถยนต์ และ  เป็นชื่อของดิฉัน  เค้ามีสิทธิเอาคืนได้มัย 

ตอบ - เป็นการให้โดยเสน่หา เรียกคืนต้องเข้าเหตุถอนคืนการให้เพราะประพฤติเนรคุณผู้ให้

มาตรา 531  อันผู้ให้จะเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณนั้นท่านว่าอาจจะเรียกได้แต่เพียงในกรณีดังจะกล่าวต่อไปนี้
(1) ถ้าผู้รับได้ประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดฐานอาญาอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายลักษณะอาญา หรือ
(2) ถ้าผู้รับได้ทำให้ผู้ให้เสียชื่อเสียง หรือหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง หรือ
(3) ถ้าผู้รับได้บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายลีนนท์0859604258 วันที่ตอบ 2012-09-24 16:58:28


ความคิดเห็นที่ 2 (2303257)

ผู้ให้ร้องขอความช่วยเหลือแต่ผู้รับปฏิเสธไม่ให้ความช่วยเหลือ
 
คำพิพากษาศาลฎีกาที่  301/2551
 
          เหตุที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ให้จะเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุที่จำเลยซึ่งเป็นผู้รับประพฤติเนรคุณตาม ป.พ.พ. มาตรา 531 (3) นั้น จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ให้มีความจำเป็นเพราะขาดแคลนปัจจัยในการดำรงชีวิต แล้วผู้ให้ร้องขอความช่วยเหลือจากผู้รับ และผู้รับอยู่ในฐานะที่จะให้ได้โดยไม่เดือดร้อน แล้วผู้รับปฏิเสธที่จะให้นั้น การที่จำเลยจะขายที่ดินที่โจทก์ยกให้แต่ถูกโจทก์ห้ามปราม จำเลยจึงไปอยู่เสียที่อื่นจนโจทก์ต้องไปอาศัยอยู่กับน้องสาวนั้น จะฟังว่าโจทก์ได้ขอความช่วยเหลือจากจำเลยและจำเลยอยู่ในฐานะที่จะให้ความช่วยเหลือโจทก์ได้โดยไม่เดือดร้อน แล้วจำเลยไม่ช่วยเหลือหาได้ไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยประพฤติเนรคุณโจทก์ตามฟ้อง
 
________________________________
 
        
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ยกที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 4870 ตำบลรัตภูมิ อำเภอควนเนียง (ที่ถูกเป็น กิ่งอำเภอควนเนียง) จังหวัดสงขลา พร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่จำเลยโดยเสน่หา ต่อมาโจทก์แก่ตัวและยากจนลงจนไม่สามารถเลี้ยงดูตนเองได้ ในปี 2543 โจทก์ขอให้จำเลยช่วยเหลือเลี้ยงดูโจทก์ แต่จำเลยซึ่งอยู่ในวิสัยที่จะช่วยเหลือเลี้ยงดูโจทก์ได้กลับไม่ได้ช่วยเหลือและทอดทิ้งโจทก์ให้อยู่ตามลำพัง จนโจทก์ต้องมาอาศัยอยู่กับน้องสาวของโจกท์ ขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนเพิกถอนการให้ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวคืนให้แก่โจทก์เพราะเหตุเนรคุณ หากจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย และให้จำเลยคืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของที่ดินดังกล่าวแก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษากลับ ให้ถอนคืนการให้และให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 4870 ตำบลรัตภูมิ อำเภอควนเนียง (ที่ถูกเป็น กิ่งอำเภอควนเนียง) จังหวัดสงขลา พร้อมบ้านบนที่ดินดังกล่าวคืนให้แก่โจทก์ตามเดิม หากจำเลยไม่ไปดำเนินการ ให้ถือเอาคำพิพากษาศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยคืนเอกสารสิทธิหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ดังกล่าวแก่โจทก์
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2540 โจทก์ยกที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 4870 ตำบลรัตภูมิ กิ่งอำเภอควนเนียง จังหวัดสงขลา เนื้อที่ 83 ตารางวา ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) และหนังสือสัญญาให้ที่ดินให้แก่จำเลยต่อมาจำเลยจะขายที่ดินที่โจทก์ยกให้แต่โจทก์ไม่ยอมโดยบอกจำเลยว่า หากขายแล้วโจทก์จะไม่มีที่อยู่ หลังจากนั้นจำเลยก็ไปอยู่เสียที่อื่นไม่เคยมาหาโจทก์อีก โจทก์ต้องไปอาศัยอยู่กับนางอารีย์น้องสาวโจทก์ มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า โจทก์จะเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยผู้รับประพฤติเนรคุณตามฟ้องได้หรือไม่ เห็นว่า เหตุที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ให้จะเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุที่จำเลยซึ่งเป็นผู้รับประพฤติเนรคุณตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531 (3) นั้น จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ให้มีความจำเป็นเพราะขาดแคลนปัจจัยในการดำรงชีวิต แล้วผู้ให้ร้องขอความช่วยเหลือจากผู้รับ และผู้รับอยู่ในฐานะที่จะให้ได้โดยไม่เดือดร้อน แล้วผู้รับปฏิเสธที่จะให้นั้น เป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบความข้อนี้ แต่ข้อเท็จจริงตามทางนำสืบของโจทก์นั้น ไม่ปรากฏเลยว่าโจทก์เคยขอความช่วยเหลือจากจำเลยและจำเลยอยู่ในฐานะที่จะให้ความช่วยเหลือได้โดยไม่เดือดร้อนแล้วจำเลยปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด การที่จำเลยจะขายที่ดินที่โจทก์ยกให้แต่ถูกโจทก์ห้ามปรามจำเลยจึงไปอยู่เสียที่อื่น จนโจทก์ต้องไปอาศัยอยู่กับน้องสาวนั้น จะฟังว่าโจทก์ได้ขอความช่วยเหลือจากจำเลยและจำเลยอยู่ในฐานะที่จะให้ความช่วยเหลือได้โดยไม่เดือดร้อนแล้วจำเลยไม่ช่วยเหลือหาได้ไม่ ส่วนที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การนั้นก็มิได้มีกฎหมายบัญญัติไว้ให้ถือว่าจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงตามฟ้องของโจทก์แต่อย่างใด ข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่า จำเลยได้ประพฤติเนรคุณโจทก์ตามฟ้อง โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531 (3) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษามานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”
          พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
 
 
( สมชัย เกษชุมพล - บุญรอด ตันประเสริฐ - สนอง เล่าศรีวรกต )
 

ผู้แสดงความคิดเห็น * วันที่ตอบ 2012-09-24 18:23:18



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล