ReadyPlanet.com


ขอยกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายทำยังไง


ขอยกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน

เรื่องมีอยู่ว่าคุณพ่อกระผมมีที่ดินอยู่แปลงหนึ่งเนื้อที่ประมาณ400ไร่ เมื่อปี 2553 ได้ให้ นายA เช่าที่ดิน โดยทำสัญญาเช่าที่ดินซึ่งเป็นผู้เช่าที่ดินเป็นระยะเวลา 5 ปี สัญญาเช่าจะสิ้นสุดปี 2558 แต่ต่อมาปี2554 นายAเกิดอยากได้ที่ดินแปลงนี้ จึงขอซื้อที่ดินแปลงนี้กับพ่อผม โดยทำสัญญาจะซื้อจะขายกันขึ้น โดยนายA วางเงินหนึ่งล้านบาทเป็นมัดจำ โดยในสัญญาระบุว่าจะต้องซื้อขายกันให้แล้วเสร็จภายในวันที่30เมษายน 2555 แต่ต่อมานายAไม่สามารถมารับโอนที่ดินได้ทันตามกำหนด (กรณีนี้นายAได้ผิดสัญญาไปเรียบร้อยแล้ว)พ่อผมจึงได้บอกยกเลิกสัญญาจะซื้อจะ ขายกับนายA โดยให้มารับเงินมัดจำคืนไป

สัญญาจะซื้อจะขายกับนาย A เป็นโมฆะแล้ว แต่มีสัญญาเช่าเหลืออยู่

ต่อมามีนายB ได้เข้ามาโดยต้องการที่จะซื้อที่ดินเช่นกัน โดยวันที่ 30 พฤษภาคม 2555 พ่อกระผมได้ตกลงทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน กับนายB โดยพ่อกระผมได้มีความประสงค์ที่จะขายที่ดินแก่นายB โดยได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายกับนายB1ฉบับ เป็นสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินแปลงดังกล่าว มีมัดจำสองล้านบาท โดยก่อนทำสัญญา คุณพ่อผมและนายB และพยานต่างๆ ก็ได้มีการพูดคุยกันด้วยวาจาว่าที่ดินแปลงดังกล่าวนี้ มีสัญญาเช่าผูกพันกับนายAอยู่ถึงปี2558 เราจึงขอไปตกลงยกเลิกสัญญาเช่ากับนายAให้เสร็จสิ้นเสียก่อน โดยหากไม่สามารถยกเลิกสัญญาเช่ากับนายAได้แล้ว ก็จะขอคืนเงินมัดจำและขอยกเลิกสัญญาดังกล่าวกับนายB เช่นกัน โดยในสัญญาก็ระบุชัดเจนว่า หากไม่สามารถขายให้ได้ ก็ให้ผู้จะซื้อ ยินยอมรับเงินมัดจำคืนไป พร้อมดอกเบี้ยธนาคาร

ผู้จะซื้อรับทราบดีว่าที่ดินมีข้อกำหนดและเงื่อนไขสัญญาผูกพันธ์อยู่แล้ว เป็นความประสงค์ร่วมกันระหว่างกัน ที่จะต้องไปยกเลิกสัญญาต่างๆ ให้เสร็จสิ้นก่อน จึงจะมีการซื้อขายกันได้

ทั้งนี้เพราะทั้งสองฝ่ายต่างก็เข้าใจตรงกันว่า ต้องให้เวลาเราดำเนินการยกเลิกสัญญากับนายA ให้แล้วเสร็จลงเสียก่อน

ต่อมาพ่อผมได้ติดต่อนาย Aเพื่อขอเจรจายกเลิกการซื้อขาย + สัญญาเช่า แต่ก็พบกับอุปสรรคในด้านยกเลิกสัญญาดังกล่าวมากมาย ทำให้การยกเลิกมีเงื่อนไขเพิ่มเติมอีกมากมาย เช่น 1.หากนายAไม่สามรถซื้อที่ดินแปลงนี้ได้ นายAก็จะยึดตามสัญญาเช่าถึงปี 2558 ทำให้การซื้อขายกับนายB จะต้องยืดเยื้อออกไปอีกนานมาก 2. นายAอ้างว่าได้ลงทุนทำกินบนที่ดินเช่าไปมากมาย จึงไม่ต้องการคืนที่ดินให้ตอนนี้ ไม่งั้นนายAจะเสียหายมาก โดยในขณะนั้นข้าพเจ้าก็ได้แจ้งความคืบหน้าการเจรจาเป็นระยะ แก่นายB

ผ่านมา2เดือน ผมจึงรับทราบแล้วว่าคงไม่สามรถยกเลิกสัญญากับนายAได้แน่นอนแล้ว จึงได้แจ้งนายB เพื่อขอคืนเงินมัดจำ และยกเลิกสัญญากันไปก่อน และเมื่อหมดสัญญาเช่าค่อยว่ากันใหม่ ตามที่ได้ตกลงกันไว้ แต่นายBไม่ยอมยกเลิกสัญญา กลับอ้างว่า จะฟ้องพ่อผม โดยยังได้ข่มขู่พ่อผมอีกด้วย

ขอถามว่า

1. นายB มีสิทธิ์ที่จะมาฟ้องร้องเรียกเงิน 5ล้านบาทเป็นค่ายกเลิกสัญญาหรือไม่?

2. พ่อผมมีสิทธิ์ที่จะฟ้องกลับนายBฐานข่มขู่รีดทรัพย์ได้หรือไม่?

3. เมื่อนายB ทำอย่างนี้แล้ว พ่อผมคงไม่ขายที่ให้แก่นายBเด็ดขาดแล้ว ติดตรงสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน ที่นายBทำไว้กับพ่อกระผม พ่อกระผมควรทำอย่างไร ที่จะยกเลิกสัญญาฉบับนี้และคืนเงินมัดจำแก่นายBได้ครับ?

ขอความกรุณาช่วยตอบให้ผมมีทางออกด้วยเถิดครับ



ผู้ตั้งกระทู้ จักร :: วันที่ลงประกาศ 2013-01-06 20:30:16


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2325460)

1. นายB มีสิทธิ์ที่จะมาฟ้องร้องเรียกเงิน 5ล้านบาทเป็นค่ายกเลิกสัญญาหรือไม่?

ตอบ - ในเบื้องต้นต้องเข้าใจก่อนว่า สิทธิในการฟ้องร้องคดีนั้นย่อมเกิดมีขึ้นเมื่อนาย บี ถูกโต้แย้งสิทธิ ส่วนผู้ถูกฟ้องก็มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อปฏิเสธความรับผิดได้ตามเงื่อนไขในสัญญา ซึ่งผลของคดีจะเป็นประการใดก็คงเป็นดุลพินิจของศาลครับ จึงตอบคำถามได้ว่า นาย บี มีสิทธิฟ้องครับ แต่ไม่ได้หมายความว่านาย บี จะชนะคดีเสมอไป

2. พ่อผมมีสิทธิ์ที่จะฟ้องกลับนายBฐานข่มขู่รีดทรัพย์ได้หรือไม่?

ตอบ - การข่มขู่รีดทรัพย์หากมีการกระทำความผิดเกิดขึ้นก็ไปดำเนินการได้เลยคงไม่ต้องรอฟ้องกลับเพราะเป็นคนละกรณีกัน ตามข้อเท็จจริงที่ให้มาก็ไม่ชัดเจนว่ามีการรีดเอาทรัพย์อย่างไร ในประเด็นนี้แนะนำให้ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพราะต้องครบองค์ประกอบความผิดครับ

3. เมื่อนายB ทำอย่างนี้แล้ว พ่อผมคงไม่ขายที่ให้แก่นายBเด็ดขาดแล้ว ติดตรงสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน ที่นายBทำไว้กับพ่อกระผม พ่อกระผมควรทำอย่างไร ที่จะยกเลิกสัญญาฉบับนี้และคืนเงินมัดจำแก่นายBได้ครับ?

ตอบ - ดูที่เงื่อนไขในสัญญาครับ หากเป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา การบอกเลิกสัญญาก็ให้ทำเป็นหนังสือบอกกล่าวไปยังคู่สัญญา การคืนเงินหากคู่สัญญาไม่ตกลงยินยอมรับเงินคืนก็อาจนำเงินไปวางที่สำนักงานวางทรัพย์เพื่อจะได้ไม่ต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยเมื่อถูกฟ้องคดีครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายลีนนท์0859604258 วันที่ตอบ 2013-01-07 10:13:57



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล