ReadyPlanet.com


ปรึกษาคดีจ่ายเช็คค่าสินค้าในนามบุคคลซื้อของเข้าบริษัทแล้วไม่มีเงินจ่าย


ดิฉันเป็นพนักงานขายของบริษัท ได้ขายสินค้าให้กับบริษัทผลิตแม่พิมพ์แห่งหนึ่ง ค้าขายกันมาระยะหนึ่งแล้วไม่มีปัญหาอะไรจึงได้ให้เครดิตกับบริษัทนั้น จากนั้นเริ่มจ่ายไม่ตรงและสุดท้ายจ่ายเช็คมาแล้วแต่เช็คไม่มีเงิน พอแจ้งความทั้งตัวบุคคลและบริษัทแล้ว ลูกหนี้ปฏิเสธว่าเช็คไม่เกี่ยวกับบริษัทฟ้องบริษัทไม่ได้ รบกวนปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องจ่ายเช็คซื้อของแล้วเช็คเด้ง จะจัดการอย่างไรกับลูกหนี้คนนี้ดีคะ ปัจจุบันทางตำรวจออกหมายเรียกและผู้ต้องหาเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาและตำรวจแจ้งกลับมาว่าประมาณเดือนหน้าจะส่งฟ้องศาลค่ะ ทางเราต้องหาทนายไปด้วยหรือเปล่าคะ เครียดมากค่ะขายของแล้วถูกโกงโดนเจ้านายเพ่งเล็ง ลำบากใจจริงๆเลยค่ะ

 



ผู้ตั้งกระทู้ วัชรี :: วันที่ลงประกาศ 2013-02-14 13:36:38


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2335057)

คำแนะนำ

1. คดีอาญา ให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป แล้วไปคุยกันที่ศาลครับ อาจมีการต่อรองแบ่งจ่ายหรืออย่างไรก็ค่อยว่ากัน

2.  คดีแพ่ง ฟ้องเรื่องตั๋วเงิน หรือฟ้องเรียกค่าสินค้าที่ได้ส่งมอบก็ได้ โดยอาจรอคดีอาญาก่อนหรือไม่ก็ได้ครับ ฟ้องตั๋วเงินอายุความ 1 ปี ฟ้องเรียกค่าสินค้า อายุความ 2 ปี แต่ในกรณีที่ลูกหนี้ซื้อไปเพื่อกิจการของตนเองก็มีอายุความ 5 ปีครับ

3.  ส่วนข้ออ้างว่าเช็คไม่เกี่ยวกับบริษัท ฟ้องไม่ได้นั้นก็เป็นสิทธิของเขาที่จะปฏิเสธ เป็นรายละเอียดที่ต้องไปพิสูจน์ทางศาล จึงต้องปรึกษาทนายความถึงรูปคดีต่อไป ขอให้ตั้งอยู่ในความสุจริตอย่างไรเสียก็มีช่องทางไปถึงความเป็นธรรมได้ไม่ยาก

4.  ในคดีอาญา ทางเจ้าหนี้(บริษัท) เป็นผู้เสียหาย พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ดำเนินการให้แทนทนายความจึงไม่ต้องมีทนายความก็ได้

 

มาตรา 193/33  สิทธิเรียกร้องดังต่อไปนี้ให้มีกำหนดอายุความห้าปี
(1)  ดอกเบี้ยค้างชำระ
(2)  เงินที่ต้องชำระเพื่อผ่อนทุนคืนเป็นงวดๆ
(3)  ค่าเช่าทรัพย์สินค้างชำระ เว้นแต่ค่าเช่าสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 193/34 (6)
(4)  เงินค้างจ่าย คือ เงินเดือน เงินปี เงินบำนาญ ค่าอุปการะเลี้ยงดูและเงินอื่นๆ ในลักษณะทำนองเดียวกับที่มีการกำหนดจ่ายเป็นระยะเวลา
(5)  สิทธิเรียกร้องตามมาตรา 193/34 (1) (2) และ (5) ที่ไม่อยู่ในบังคับอายุความสองปี


มาตรา 193/34  สิทธิเรียกร้องดังต่อไปนี้  ให้มีกำหนดอายุความสองปี
(1)  ผู้ประกอบการค้าหรืออุตสาหกรรม ผู้ประกอบหัตถกรรม ผู้ประกอบศิลปอุตสาหกรรมหรือช่างฝีมือ เรียกเอาค่าของที่ได้ส่งมอบ ค่าการงานที่ได้ทำ หรือค่าดูแลกิจการของผู้อื่น รวมทั้งเงินที่ได้ออกทดรองไป เว้นแต่เป็นการที่ได้ทำเพื่อกิจการของฝ่ายลูกหนี้นั้นเอง
(2)  ผู้ประกอบเกษตรกรรมหรือการป่าไม้  เรียกเอาค่าของที่ได้ส่งมอบอันเป็นผลิตผลทางเกษตรหรือป่าไม้ เฉพาะที่ใช้สอยในบ้านเรือนของฝ่ายลูกหนี้นั้นเอง
(3)  ผู้ขนส่งคนโดยสารหรือสิ่งของหรือผู้รับส่งข่าวสาร เรียกเอาค่าโดยสาร ค่าระวาง ค่าเช่า ค่าธรรมเนียม รวมทั้งเงินที่ได้ออกทดรองไป
(4)  ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรือหอพัก ผู้ประกอบธุรกิจในการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม หรือผู้ประกอบธุรกิจสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการเรียกเอาค่าที่พัก อาหารหรือเครื่องดื่ม ค่าบริการหรือค่าการงานที่ได้ทำให้แก่ผู้มาพักหรือใช้บริการ รวมทั้งเงินที่ได้ออกทดรองไป
(5)  ผู้ขายสลากกินแบ่ง สลากกินรวบ หรือสลากที่คล้ายคลึงกัน เรียกเอาค่าขายสลาก เว้นแต่เป็นการขายเพื่อการขายต่อ
(6)  ผู้ประกอบธุรกิจในการให้เช่าสังหาริมทรัพย์ เรียกเอาค่าเช่า
(7)  บุคคลซึ่งมิได้เข้าอยู่ในประเภทที่ระบุไว้ใน (1) แต่เป็นผู้ประกอบธุรกิจในการดูแลกิจการของผู้อื่นหรือรับทำงานการต่างๆ เรียกเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้น รวมทั้งเงินที่ได้ออกทดรองไป
(8)  ลูกจ้างซึ่งรับใช้การงานส่วนบุคคล เรียกเอาค่าจ้างหรือสินจ้างอย่างอื่นเพื่อการงานที่ทำ รวมทั้งเงินที่ได้ออกทดรองไป  หรือนายจ้างเรียกเอาคืนซึ่งเงินเช่นว่านั้นที่ตนได้จ่ายล่วงหน้าไป
(9)  ลูกจ้างไม่ว่าจะเป็นลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว หรือลูกจ้างรายวัน รวมทั้งผู้ฝึกหัดงาน  เรียกเอาค่าจ้างหรือสินจ้างอย่างอื่น รวมทั้งเงินที่ได้ออกทดรองไป หรือนายจ้างเรียกเอาคืนซึ่งเงินเช่นว่านั้นที่ตนได้จ่ายล่วงหน้าไป
(10)  ครูสอนผู้ฝึกหัดงาน เรียกเอาค่าฝึกสอนและค่าใช้จ่ายอย่างอื่นตามที่ได้ตกลงกันไว้ รวมทั้งเงินที่ได้ออกทดรองไป
(11)  เจ้าของสถานศึกษาหรือสถานพยาบาล  เรียกเอาค่าธรรมเนียมการเรียนและค่าธรรมเนียมอื่นๆ หรือค่ารักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอย่างอื่น รวมทั้งเงินที่ได้ออกทดรองไป
(12)  ผู้รับคนไว้เพื่อการบำรุงเลี้ยงดูหรือฝึกสอน เรียกเอาค่าการงานที่ทำให้รวมทั้งเงินที่ได้ออกทดรองไป
(13)  ผู้รับเลี้ยงหรือฝึกสอนสัตว์ เรียกเอาค่าการงานที่ทำให้ รวมทั้งเงินที่ได้ออกทดรองไป
(14)  ครูหรืออาจารย์ เรียกเอาค่าสอน
(15)  ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ทันตกรรม การพยาบาล การผดุงครรภ์ ผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์ หรือผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาอื่น เรียกเอาค่าการงานที่ทำให้รวมทั้งเงินที่ได้ออกทดรองไป
(16)  ทนายความหรือผู้ประกอบวิชาชีพทางกฎหมาย รวมทั้งพยานผู้เชี่ยวชาญเรียกเอาค่าการงานที่ทำให้ รวมทั้งเงินที่ได้ออกทดรองไป หรือคู่ความเรียกเอาคืนซึ่งเงินเช่นว่านั้นที่ตนได้จ่ายล่วงหน้าไป
(17)  ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรม สถาปัตยกรรม ผู้สอบบัญชี หรือผู้ประกอบวิชาชีพอิสระอื่น เรียกเอาค่าการงานที่ทำให้ รวมทั้งเงินที่ได้ออกทดรองไป หรือผู้ว่าจ้างให้ประกอบการงานดังกล่าวเรียกเอาคืนซึ่งเงินเช่นว่านั้นที่ตนได้จ่ายล่วงหน้าไป

 

มาตรา 1002  ในคดีที่ผู้ทรงตั๋วเงินฟ้องผู้สลักหลังและผู้สั่งจ่าย ท่านห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นเวลาปีหนึ่งนับแต่วันที่ได้ลงในคำคัดค้านซึ่งได้ทำขึ้นภายในเวลาอันถูกต้องตามกำหนด หรือนับแต่วันตั๋วเงินถึงกำหนด ในกรณีที่มีข้อกำหนดไว้ว่า “ไม่จำต้องมีคำคัดค้าน”

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายลีนนท์0859604258 วันที่ตอบ 2013-02-16 10:24:05



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล