เมื่อคุณเป็นผู้มีชื่อในโฉนดที่ดินคุณคือเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ให้ผู้อื่นเช่า แม้การทำสัญญาเช่าได้กระทำขึ้นในระหว่างทรัพย์เป็นของย่าคุณและมีบิดาของคุณเป็นพยานในสัญญาเช่านั้นก็ตาม

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 538 เช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ อย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ ท่านว่า จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ถ้าเช่ามีกำหนดกว่าสามปีขึ้นไป หรือกำหนดตลอดอายุของผู้เช่าหรือผู้ให้เช่าไซร้ หากมิได้ทำเป็น หนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ท่านว่าการเช่นนั้น จะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้แต่เพียงสามปี

ตามข้อเท็จจริงที่คุณให้มานั้นคุณย่าให้ญาติเช่าที่ดิน 10 ปี แต่สัญญาไม่ได้จดทะเบียนที่สำนักงานที่ดิน สัญญาเช่าจึงมีกำหนดบังคับกันได้เพียงสามปีเท่านั้น แต่เมื่อครบสามปีแล้วทางผู้ให้เช่าก็ไม่ได้บอกเลิกสัญญาแต่อย่างใดจึงต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 570 ในเมื่อสิ้นกำหนดเวลาเช่าซึ่งได้ตกลงกันไว้นั้น ถ้า ผู้เช่ายังคงครองทรัพย์สินอยู่ และผู้ให้เช่ารู้ความนั้นแล้วไม่ทักท้วงไซร้ ท่าน ให้ถือว่าคู่สัญญาเป็นอันได้ทำสัญญาใหม่ต่อไปไม่มีกำหนดเวลา

ดังนั้นสัญญาการเช่าจึงไม่มีกำหนดระยะเวลาแม้จะได้เปลี่ยนผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินหรือทรัพย์ที่ให้เช่าแล้วก็ตามเพราะผู้รับโอนต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอน ต่อมาคุณต้องการเปลี่ยนสัญญาและเปลี่ยนคู่สัญญาก็ต้องบอกเลิกสัญญากับผู้เช่าก่อน ซึ่งต้องปฏิบัติตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 566 "ถ้ากำหนดเวลาเช่าไม่ปรากฏในความที่ตกลงกัน หรือไม่พึงสันนิษฐานได้ไซร้ ท่านว่าคู่สัญญาฝ่ายใดจะบอกเลิกสัญญา เช่าในขณะเมื่อสุดระยะเวลาอันเป็นกำหนดชำระค่าเช่าก็ได้ทุกระยะ แต่ต้องบอกกล่าวแก่อีกฝ่ายหนึ่งให้รู้ตัวก่อน ชั่วกำหนดเวลาชำระ ค่าเช่าระยะหนึ่งเป็นอย่างน้อย แต่ไม่จำต้องบอกกล่าวล่วงหน้ากว่า สองเดือน "

กรณีที่คุณบอกเลิกสัญญาแล้วผู้เช่าไม่ปฏิบัติตามก็ต้องพึ่งบารมีศาลต่อไป