สามีภรรยาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันโดนข้อหาลักทรัพย์ได้หรือไม่ | |
อยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยากัน 10 ปี ต่อมามีปากเสียงทะเลาวิวาทถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนำรถยนต์ที่ซื้อร่วมกันมาหนีไปโดยอีกฝ่ายหนึ่งไม่ยินยอมไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนจะแจ้งความฐานลักทรัพย์ได้หรือไม่ | |
ผู้ตั้งกระทู้ คะนอง :: วันที่ลงประกาศ 2008-08-15 08:25:10 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (1820829) | |
มาตรา 334 ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวม อยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกพันบาท ตามกฎหมายข้างต้นบอกว่า "ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย" การเป็นสามีภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันจึงไม่มีสิทธิและหน้าที่ต่อกันตามกฎหมาย ดังนั้นทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ในระหว่างอยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยา จึงเป็นทรัพย์สินที่ต่างฝ่ายต่างมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันคนละครึ่ง จึงเป็นเจ้าของร่วมกัน เมื่อเป็นเจ้าของร่วมกันและอีกฝ่ายหนึ่งเอาทรัพย์นั้นไปโดยอีกฝ่ายไม่ยินยอมจึงอาจมีความผิดฐานลักทรัพย์ได้ครับแต่ก็ต้องดูเป็นกรณีๆไป นอกจากนี้ยังมีความผิดอื่นที่คล้ายกันเกี่ยวกับเรื่องเจ้าของรวมคือ มาตรา 352 ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่น เป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคล ที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอก ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าทรัพย์นั้นได้ตกมาอยู่ในความครอบครองของผู้กระทำความผิด เพราะผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิดไปด้วยประการใด หรือเป็นทรัพย์ สินหายซึ่งผู้กระทำความผิดเก็บได้ ผู้กระทำต้องระวางโทษแต่เพียง กึ่งหนึ่ง
มาตรา 358 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่ เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2478/2528 การกระทำที่เจ้าของรวมจะมีความผิดฐานลักทรัพย์ไปจาก เจ้าของรวมคนอื่นนั้นจะต้องได้ความว่าเจ้าของรวมผู้ลักมิได้ครอบครองทรัพย์อยู่ในขณะที่ลักหากแต่ทรัพย์นั้น อยู่ในความครอบครองของเจ้าของรวมคนอื่นและเอาไปจากการ ครอบครองของผู้นั้น คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1891/2536 เจ้าของรวมจะมีความผิดฐานลักทรัพย์ไปจากเจ้าของรวมคนอื่นจะต้องได้ความว่าเจ้าของรวมผู้ลักมิได้ครอบครองทรัพย์อยู่ การที่จำเลยซึ่งเป็นทายาทของ ป. หุ้นส่วนกับชาวมาเลเซีย และจำเลยเป็นผู้ครอบครองหอยแครงร่วมอยู่ด้วยใช้บุคคลอื่นไปตักหอยแครง ซึ่งอยู่ในความครอบครองของตนเอง ไม่มีความผิดฐานใช้บุคคลอื่นลักทรัพย์
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2008-08-17 14:45:19 |
ความคิดเห็นที่ 2 (3872946) | |
การเอาทรัพย์ที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริตเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยและผู้เสียหายเป็นเจ้าของรวมในสวนยางพารา แต่จำเลยยอมให้ผู้เสียหายครอบครองและได้ประโยชน์เพียงผู้เดียว การที่จำเลยเข้าไปกรีดยางพาราจะเอาน้ำยางพาราไปเพียงผู้เดียวเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเอง ย่อมเป็นการทุจริตแล้ว
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ โทร. 0859604258 วันที่ตอบ 2015-09-20 09:43:25 |
[1] |