มาตรา ๖๕ ผู้ใดผลิต นำเข้า หรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา ๑๕ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่หนึ่งล้านบาทถึงห้าล้านบาท

มาตรา ๑๕ ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ เว้นแต่รัฐมนตรีได้อนุญาตเฉพาะในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ของทางตาชการ

การขออนุญาตและการอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

การผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ ตามปริมาณดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าเป็นการผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

(๑) เด็กซ์โตรไลเซอร์ไยด์ หรือ แอล เอส ดี มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ศูนย์จุดเจ็ดห้ามิลลิกรัมขึ้นไป หรือมียาเสพติดที่มีสารดังกล่าวผสมอยู่จำนวนสิบห้าหน่วยการใช้ขึ้นไปหรือมีน้ำหนักสุทธิตั้งแต่สามร้อยมิลลิกรัมขึ้นไป

(๒) แอมเฟตามีนหรืออนุพันธ์แอมเฟตามีน มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่สามร้อยเจ็ดสิบห้ามิลลิกรัมขึ้นไป หรือมียาเสพติดที่มีสารดังกล่าวผสมอยู่จำนวนสิบห้าหน่วยการใช้ขึ้นไป หรือมีน้ำหนักสุทธิตั้งแต่หนึ่งจุดห้ากรัมขึ้นไป

การคำนวณโทษจำคุกจะต้องพิจารณาจากสารบริสุทธิ์ที่เจ้าหน้าที่คำนวณได้ และตามจำนวนที่บอกมาคือ 173 เม็ดน่าจะมีน้ำหนักสารบริสูจน์เกิน 375 มิลลิกรัม ดังนั้นโทษจำคุกน่าจะเป็นจำคุกตลอดชีวิตรับสารภาพเปลี่ยนโทษเป็น 50 ปี ลดกึ่งหนึ่งเหลือ 25 ปี (ความเห็นนะครับ)

ขอถามเพิ่มเติมค่ะ

ถ้าผู้ต้องหาคนที่1 (ของกลางอยู่ที่คนนี้ค่ะ) รับสารภาพคนเดียว และผู้ต้องหาคนที่ 2 จะสู้คดีจะพอมีทางรอดมั้ยค่ะ เพราะตอนแรกได้รับสารภาพไปแล้วทั้ง 2 คน (ขึ้นศาลไปแล้ว 2 รอบค่ะ)  และถ้าจะขอทนายศาลจะได้มั้ยค่ะเพราะเป็นคดียาเสพติด