ReadyPlanet.com


หมายเรียก


5.โจทก์ขอให้ศาลบังคับจำเลยใช้เงินกู้แก่โจทก์จำนวนสองแสนบาท ศาลสั่งรับฟ้องและสั่งให้โจทก์มีหน้าที่จัดการนำส่งด้วยตาม ป.ว.พ.มาตรา 70 ที่แก้ไขใหม่ โจทก์และเจ้าพนักงานศาลสองคนด้วยกันไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องที่บ้านจำเลย เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2550 พบจำเลยคนเดียวอยู่บ้าน แต่จำเลยไม่ยอมรับหมาย และเดินออกไปจากบ้าน โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานศาลปิดหมายและสำเนาคำฟ้อง ไปปิดไว้ที่ประตูบ้านจำเลย จำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การ ต่อมาวันที่ 5 ธ.ค.2550 โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และให้นัดพิจารณาคดีโจทก์ไป เมือข้อเท็จจริงปรากฎต่อศาลเช่นนี้ ศาลจะสั่งประการใด



ผู้ตั้งกระทู้ สุจิณดา :: วันที่ลงประกาศ 2008-09-02 11:55:29


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1829872)

เมื่อปรากฎว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลก็สั่งให้โจทก์ดำเนินคดีต่อไปฝ่ายเดียวครับ

เรื่อง ป.ว.พ. มาตรา 70 ที่คุณอ้างว่าแก้ไขใหม่ เท่าที่ตรวจดูถึงฉบับที่ 25 (แก้ไข) ไม่มีการแก้ไขมาตรา 70 นะครับ อย่างไรก็ขอความรู้ด้วยครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2008-09-02 13:42:26


ความคิดเห็นที่ 2 (1831712)

การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7608/2550

 

พนักงานเดินหมายส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยโดยวิธีปิดหมายที่บ้านเลขที่ทะเบียนบ้านกลาง 317 ซึ่งเป็นสำนักงานเขตดุสิต ไม่ใช่ถิ่นที่อยู่อันเป็นภูมิลำเนาของจำเลย จึงไม่ใช่การปิดคำคู่ความ ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของจำเลย เป็นการส่งที่ไม่ชอบ ทำให้กระบวนพิจารณาของศาลแรงงานกลางนับแต่การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย

 

ตาม พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 มาตรา 4, 33 บัญญัติให้เจ้าบ้านแจ้งการย้ายออกของผู้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านซึ่งไปอยู่ที่อื่นเกิน 180 วัน และเจ้าบ้านไม่ทราบว่าผู้นั้นไปอยู่ที่ใด ต่อมานายทะเบียนโดยระบุว่าไม่ทราบที่อยู่ ให้นายทะเบียนผู้รับแจ้งเพิ่มชื่อและรายการผู้นั้นในทะเบียนบ้านกลางซึ่งนายทะเบียนบ้านกลางกำหนดให้จัดทำขึ้นสำหรับลงรายการบุคลที่ไม่อาจมีชื่อในทะเบียนบ้าน ไม่ปรากฏว่าก่อนหน้าที่จำเลยมีชื่อในทะเบียนบ้านกลางจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่ใด พนักงานเดินหมายส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยโดยวิธีปิดหมายที่บ้านเลขที่ทะเบียนบ้านกลาง 317 ซึ่งเป็นสำนักงานเขตดุสิต ไม่ใช่ถิ่นที่อยู่อันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยตาม ป.พ.พ. มาตรา 37 จึงไม่ใช่การปิดคำคู่ความ ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของจำเลย เป็นการส่งที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 79 วรรคหนึ่ง ทำให้กระบวนพิจารณาของศาลแรงงานกลางนับแต่การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย ปัญหาเรื่องการส่งหมายและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยโดยไม่ชอบเป็นกรณีมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม ชอบที่จะเพิกถอนเสียตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 ประกอบ พ.ร.บงจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31

 

 

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 55,552.26 บาท (ที่ถูก 55,522.96 บาท) พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 33,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยขาดนัด ศาลแรงงานกลางให้พิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียว

ศาลแรงงานกลาง พิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ตามทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏว่าจำเลยเป็นตัวแทนของนายจ้างต่างประทศหรือเป็นบริษัทจัดหางานอันจะทำให้สามารถส่งคนไปทำงานต่างประเทศได้ และไม่ปรากฏว่าโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาจ้างแรงงานกันโดยจำเลยตกลงจ้างโจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างและโจทก์ตกลงทำงานให้จำเลยโดยประสงค์จะได้รับค่าจ้างจากจำเลย ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยจึงมิได้เป็นไปโดยมีนิติสัมพันธ์กันในลักษณะที่เป็นคู่สัญญาในเรื่องจ้างแรงงานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 575 โจทก์จึงไม่อาจเรียกร้องค่าเสียหายเนื่องจากการผิดสัญญาดังกล่าวจากจำเลยได้พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

โจทก์ฟ้องจำเลยโดยระบุที่อยู่จำเลยในคำฟ้องเป็นบ้านเลขที่ทะเบียนบ้านกลาง 317 ทะเบียนบ้านกลางของเขตดุสิต แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร โดยไม่ปรากฏว่าก่อนหน้านั้นจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่ใด และปรากฏตามรายงานการเดินหมายว่าพนักงานเดินหมายและสำเนาคำฟ้องไว้ตามภูมิลำเนาที่ระบุไว้ในหมาย (ที่อยู่จำเลยระบุตามคำฟ้อง)

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่าตามพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 มาตรา 4, 33 บัญญัติให้เจ้าบ้านแจ้งการย้ายออกของผู้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านซึ่งไปอยู่ที่อื่นเกิน 180 วัน และเจ้าบ้านไม่ทราบว่าผู้นั้นไปอยู่ที่ใดต่อนายทะเบียนโดยระบุว่าไม่ทราบที่อยู่ และให้นายทะเบียนผู้รับแจ้งเพิ่มชื่อและรายการผู้นั้นในทะเบียนบ้านกลางซึ่งนายทะเบียนบ้านกลางกำหนดให้จัดทำขึ้นสำหรับลงรายการบุคคลที่ไม่อาจมีชื่อในทะเบียนบ้าน ดังนั้นบ้านเลขที่ทะเบียนบ้านกลาง 317 ซึ่งเป็นสำนักงานเขตดุสิตไม่ใช่ถิ่นที่อยู่อันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 37 การที่พนักงานเดินหมายปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องตามที่อยู่ที่ระบุในคำฟ้องจึงไม่ใช่การปิดคำคู่ความ ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของจำเลย เป็นการส่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 วรรคหนึ่ง ทำให้กระบวนพิจารณาของศาลแรงงานกลางนับแต่การส่งหมายและสำเนาคำฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย ปัญหาเรื่องการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยโดยไม่ชอบเป็นกรณีมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม ชอบที่จะเพิกถอนเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31

พิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ตั้งแต่การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยแล้วมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใหม่ตามรูปคดีต่อไป.

( วิธวิทย์ หิรัญรุจิพงศ์ - พิชิต คำแฝง - พิทยา บุญชู )

ศาลแรงงานกลาง - นายสมฤกษ์ โรจนสุพจน์

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2008-09-05 09:03:53



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล