ReadyPlanet.com


อยากทราบที่ดินทุ่งสวนเลี้ยงสัตว์


     มีปัญหาอยากถามว่าที่ดินซึ่งเป็นที่เรียกว่าทุ่งสงวนเลียงสัตว์  กรณีมีผู้บุกรุกเข้าไปครอบครองทั้งชาวบ้าน ปลัดตำรวจผู้ใหญ่บ้านและนายทุนคนมีตังค์อยากทราบว่าผิดกฎมายหรือไม่และอยากรู้ว่าหน่วยงานที่มีหน้าที่คือหน่วยงานใดและมีกฎหมายอะไรให้สิทธิเข้าครอบครองหรือทำประโยชน์       



ผู้ตั้งกระทู้ อนุรักษ์ :: วันที่ลงประกาศ 2008-10-31 19:42:22


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1858307)

ทุ่งเลี้ยงสัตว์เป็นที่สาธารธสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน ผู้ใดบุกรุกเข้าไปทำประโยชน์ในลักษณะหวงกันไม่ได้ย่อมมีความผิดตามกฎหมาย ฐานบุกรุกที่สาธารณะตามมาตรา 1304(2)

มาตรา 1304 สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น รวมทรัพย์สินทุกชนิดของ แผ่นดินซึ่งใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน เช่น
(1) ที่ดินรกร้างว่างเปล่า และที่ดินซึ่งมีผู้เวนคืนหรือทอดทิ้งหรือกลับมา เป็นของแผ่นดินโดยประการอื่น ตามกฎหมายที่ดิน
(2) ทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน เป็นต้นว่า ที่ชายตลิ่ง ทางน้ำ ทางหลวง ทะเลสาบ
(3) ทรัพย์สินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ เป็นต้นว่า ป้อม และโรงทหาร สำนักราชการบ้านเมือง เรือรบ อาวุธยุทธภัณฑ์

แต่เนื่องจากผู้บุกรุกบางราย หรือหลายราย ได้บุกรุกเข้าไปตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ รุ่นย่า ตา ยาย แล้ว และมีผู้บุกรุกจำนวนมาก การใช้กฎหมายแก้ปัญหาอย่างเดียวอาจเกิดความยุ่งยาก ในบางพื้นที่ที่มีการบุกรุกที่สาธารณะ รัฐแก้ปัญหาโดยการให้เช่าบ้าง เพื่อเก็บเงินค่าเช่าเข้าแผ่นดิน การที่จะฟ้องขับไล่ หรือจับกุมคุมขังตามกฎหมายอาญา หรือกฎหมายที่ดิน อาจไม่ง่ายนัก

สำหรับคำถามว่าหน่วยงารใดมีหน้าที่ดูแล ที่ดินดังกล่าว นั้นเท่าที่ทราบน่าจะเป็น สำนักจัดการที่ดินของรัฐ กรมที่ดิน ซึ่งอาจให้ส่วนราชการของรัฐในท้องถิ่นนั้นเป็นผู้ดูแลแทนก็ได้ เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล เป็นต้น

ส่วนคำถามว่ามีกฎหมายอะไรให้สิทธิเข้าครอบครองหรือทำประโยชน์ นั้น ตอบว่าไม่มีครับ เป็นการบุกรุกที่ดินสาธารณะครับ เว้นแต่จะชำระค่าเช่าให้รัฐ ในกรณีที่รัฐดำเนินการจัดสรร แล้ว

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2008-11-01 08:19:40


ความคิดเห็นที่ 2 (1858586)

คำถาม

การบุกรุกที่สาธารณะ

สวัสดีค่ะ
เนื่องจากที่บ้านได้รับหมายศาลให้ไปติดต่อเจ้าหนักงานตำรวจ อันสืบเนื่องมาจากกรณีนี้ค่ะ
คือที่บ้านได้ประกอบอาชีพค้าขายอาหาร โดยมีเพิงขายอาหารซึ่งได้ตั้งเป็นเต้นท์อยู่บริเวณริมถนนในซอยของหมู่บ้าน โดยบริเวณที่ขายไม่ได้เป็นทางเท้าแต่อย่างใดค่ะ เป็นป่าหญ้าข้างทาง ซึ่งเราได้ทำการค้าขายในบริเวณนี้มากว่า 20 ปีแล้ว โดยมีผู้ค้ารายอื่น ๆ ตั้งเต้นท์ขายสินค้าด้วยเชนกัน และทุก ๆ เดือน หมู่บ้านก็จะเรียกเก็บค่าดูแลเดือนละ 100 - 150 บาท กับทุกผู้ค้า
ต่อมาเมื่อประมาณต้นปี มีเจ้าหน้าที่กรมโยธาของเขตมา แจ้งว่า เราได้บุกรุกที่สาธารณะ และสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในบริเวณนั้น ด้วยการส่งเสียงดังรบกวนในยามค่ำคืน ซึ่งเราก็ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่กรมโยธาไปว่า เราไม่ได้ค้าขายในยามค่ำคืน เราค้าขายในช่วง 6 โมงเช้า - บ่าย 2 โมงเท่านั้น และเราไม่ทราบมาก่อนว่า ที่บริเวณนี้เป็นของกรุงเทพฯ เนื่องจากทางหมู่บ้านมีการเรียกเก็บค่าบำรุงทุกเดือนจากทุกผู้ค้า เจ้าหน้าที่ก็ถ่ายรูปไป และไม่ได้ติดต่ออะไรมาอีก หลังจากนั้น ประมาณเดือน กรกฎาคมมีเจ้าหน้าที่เทศกิจมาติดต่อ ถ่ายรูป และให้ไปเสียค่าปรับที่เขต ซึ่งเราก็ได้ไปเสียค่าปรับค่ะ เป็นผู้ค้ารายเดียวที่โดน เนื่องจากในวันที่เจ้าหน้าที่เทศกิจมา ไม่มีผู้ค้ารายใดขายสินค้า เนื่องจากเป็นวันหยุดเทศกาลค่ะ โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่า ที่บริเวณนี้เป็นของกรุงเทพฯ เราได้บุกรุกที่สาธารณะ ให้เปลี่ยนแปลงสถานที่จากที่ตั้งเต้นท์ เป็นรถเข็น จึงจะขายต่อได้ ซึ่งหลังจากนั้น ก็พยายามหาที่ขายใหม่ค่ะ แต่ยังหาไม่ได้ และก็คิดว่า ถ้าเราต้องเอาเงินไปซื้อรถเข็น ก็หาที่ใหม่ไปเลย แต่เมื่อต้นเดือนตุลาคมนี้ มีหมายศาลมา แจ้งให้ไปพบเจ้าพนักงานตำรวจที่สน.ค่ะ โดยแจ้งข้อหาในหมายศาลดังนี้ค่ะ
1. บุกรุกที่สาธารณะ
2. ครอบครองที่ดินสาธารณะโดยมิชอบ
3. ฝ่าฝืนการปฏิบัตงานของเจ้าหน้าที่
โดยในวันที่เราได้รับหมายศาล และไปพบตำรวจนั้น เราได้รื้อเต้นท์ และเปลี่ยนเป็นรถเข็นแล้วค่ะ และได้นำรูปดังกล่าวไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูด้วยค่ะ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่า เป็นคดีความส่งเรื่องแล้ว คงต้องให้ศาลเป็นคนตัดสินว่าจะทำเช่นไร
รบกวนสอบถามดังนี้ค่ะ
1. จากข้อหาทั้ง 3 ข้อนี้ มีโทษตามกฏหมายสูงสุดคืออะไรคะ
2. เราสามารถค้าขายในที่เดิมได้หรือไม่ เนื่องจากบริเวณนั้นมีโรงงานอยู่ และลูกค้าที่ซื้อส่วนมากก็คือคนงานที่ทำงานในโรงงานเหล่านั้นค่ะ
3. แนวโน้มการตัดสินคของศาลจะเป็นเช่นไรคะ
4. เราต้องทำอย่างไรบ้างคะ

คำตอบ

หากข้อเท็จจริงที่ดินดังกล่าวเป็นที่สาธารณะคุณก็ไม่มีสิทธิที่จะตั้งเต็นท์และขายของในที่ดินดังกล่าวแม้ว่าหมู่บ้านจะมาเก็บค่าเช่าทุกเดือน เพราะตามกฎหมายที่ดินสาธารณะใครจะยึดถือครองไม่ได้ และกรณีของคุณเมื่อมีหมายศาลแจ้งให้คุณไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ คุณก็มีหน้าที่จะต้องไปพบและให้การเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว ซึ่งกรณีของคุณหากศาลพิจารณาว่าคุณบุกรุกที่สาธารณะคุณก็อาจจะต้องถูกลงโทษจำคุกและปรับ แต่โดยส่วนมากหากคุณไม่ได้สร้างสิ่งปลูกสร้างถาวรลงบนที่สาธารณะและการครอบครองที่สาธารณะของคุณไม่ทำให้ที่สาะารณะได้รับความเสียหาย ศาลก็อาจจะมีคำพิพากษาให้รอการลงโทษจำคุกคุณไว้ คงลงโทษเพียงปรับ แต่คุณจะต้องรื้อถอนเต็นท์ออกจากที่ดินดังกล่าว ซึ่งผมคิดว่าหากที่ดินดังกล่าวเป็นที่สาธารณะคุณควรจะรื้อถอนเต็นท์ออกจากที่ดินทันทีและให้การรับสารภาพกับศาลเพื่อให้ศาลใช้ดุลพินิจลงโทษในสถานเบาครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น * วันที่ตอบ 2008-11-02 11:36:26



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล