ทำไงดีครับ | |
รบกวนสอบถามหน่อยนะครับ คือว่าผมกับเพื่อนอยู่ด้วยกัน ผ่อนบ้านหลังไว้โดยกู้ร่วม แต่ผ่อนมาได้ไม่นานทะเลาะกันแล้วเขาไม่ยอมผ่อนต่อ และไม่ยอมย้ายออกไป(ผมย้ายออก) แต่ผมยังคงผ่อนธนาคารอยู่คนเดียว โดยทุกเดือนผมจะทำเป็นหลักฐานว่าโอนเงินจากบัญชีผม และก็พยายามคุยกันดีๆ แต่เขายืนยันไม่ช่วย ไม่ย้าย ผมจะขายบ้านก็ไม่ได้อีก ถ้าไม่ผ่อนต่อ ก็โดนธนาคารฟ้อง เสียหายต่อตัวผมเองอีก กลุ้มใจ จนบางทีอยากตายเลยครับ รบกวนสอบถามว่า 1.ผมจะมีสิทธิคัดชื่อเขาออกจากการเป็นเจ้าบ้านร่วมได้หรือไม่ในเมื่อเขา ไม่รับผิดชอบต่อค่าผ่อนบ้านที่เกิดขึ้นเลย โดยจะมีช่องทางและหลักฐานใด 2.เรามีวิธีการทางกฏหมายใด ที่จะเอาเขาออกจากบ้านได้บ้าง 3.ทรัพย์สินในบ้านนั้นถือเป็นของใคร หากเขาย้ายไปแล้วขนของในบ้านออกไปทั้งหมด เราจะมีทางเรียกคืนได้หรือไม่ คือผมเครียดมากจริงๆจนไม่รู้จะไปทางไหนดีแล้วครับ จะรอคำตอบนะครับ ขอบคุณมากๆครับ | |
ผู้ตั้งกระทู้ เอ็ม :: วันที่ลงประกาศ 2008-12-28 01:05:55 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (1881688) | |
ขอถามเพิ่มอีกหน่อยครับ แล้วถ้าผมไม่มีปัญญาผ่อนให้ธนาคาร แล้วถูกฟ้อง ความรับผิดชอบต่อหนี้ จะแบ่งกันอย่างไร และจะยึดทรัพย์สินเฉพาะของผม หรือว่าคุณพ่อคุณแม่ผมก็ต้องรับผิดชอบ รวมถึงตามมายึดทรัพย์สินของพ่อแม่ผมด้วยรึเปล่า (ก่อนหน้าที่ผมจะกู้ซื้อบ้านหลังนี้ ผมได้รับที่ดินแปลงนึงจากพ่อแม่มา ถ้าผมโอนคืนให้พ่อแม่ไป ธนาคารจะตามไปยึดกับพ่อแม่อีกไหมครับ) หากกรณีผมเสียชีวิตไป หนี้จะตกอยู่กับใครที่จะรับผิดชอบ จะเดือดร้อนไปถึงครอบครัว พ่อแม่ผมหรือไม่ครับ รบกวนหน่อยนะครับ มืดแปดด้านแล้วครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น เอ็ม วันที่ตอบ 2008-12-28 01:26:39 |
ความคิดเห็นที่ 2 (1881705) | |
1. คัดชื่อ ออกจากการเป็นเจ้าบ้าน * เมื่อเขามีสิทธิทางทะเบียนว่าเป็นเจ้าของร่วมและมีฐานะเป็นเจ้าบ้าน คุณถ้าในฐานะผู้อาศัยจะไปคัดชื่อเขาออก เจ้าหน้าที่คงไม่ทำให้ครับ 2. วิธีทางกฎหมายใด * คงต้องฟ้องร้องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวม และเรียกเงินส่วนที่คุณได้ชำระแทนเขาไปในฐานะลูกหนี้ร่วม (ตามข้อเท็จจริงที่ให้มาว่าเขาเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในโฉนดร่วมกันและกู้ร่วมกัน) แต่คงต้องใช้เวลาไม่น้อยทีเดียวครับ 3. ทรัพย์สินในบ้าน * ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ต้องแบ่งเป็นสองส่วนครับ แต่ถ้าส่วนที่มีเอกสารแน่นอนก็เป็นสินส่วนตัวตามความเป็นจริงครับ หากเขาขนย้ายไปโดยไม่ได้รับอนุญาตอาจมีความผิดฐานลักทรัพย์หรือยักยอก แต่นั่นเป็นเรื่องที่ต้องไปว่ากันในชั้นศาลครับ 4. ไม่มีปัญญาผ่อนแล้วถูกฟ้อง * เมื่อคุณเป็นลูกหนี้ร่วม เจ้าหนี้เขาก็ฟ้องทั้งสองคน แต่อาจบังคับให้ใครคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ชำระหนี้คนเดียวก็ได้ เช่นคุณมีทรัพย์สินที่จะบังคับคดีได้โดยง่าย เขาก็จะบังคับเอากับคุณก่อน แต่คุณก็มีสิทธิไล่เบี้ยลูกหนี้ร่วมคนอื่นในส่วนที่คุณได้ชำระหนี้แทนไปในภายหลังได้ แต่เขาจะมีชำระหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ 5. ยึดทรัพย์สินของพ่อแม่ด้วยหรือเปล่า * การเป็นลูกหนี้หรือเป็นหนี้นั้นเป็นเรื่องเฉพาะตัว ไม่เกี่ยวไปถึงบุคคลอื่นครับ 6. ธนาคารจะตามยึดกับพ่อแม่อีกไหม * ถ้าทรัพย์สินนั้นตกมาเป็นของคุณแล้วโดยการให้โดยเสน่หา ต่อเมื่อทราบว่ามีหนี้สินและกลัวเจ้าหนี้มายึด แล้วจำหน่าย จ่าย โอน ไปให้พ้นอำนาจศาลที่เจ้าหนี้จะเรียกเอาชำระหนี้ อาจถูกเพิกถอนนิติกรรมการโอนได้ และต้องดูพฤติการณ์อีกว่า เป็นการโอนไปในลักษณะโกงเจ้าหนี้หรือไม่ ต้องดูในรายละเอียดและพฤติการณ์จริงอีกทีในข้อเท็จจริง ที่เกิดขึ้นจริง แต่คุณเพียงสมมุติคาดการณ์ จึงตอบชัดเจนไม่ได้ 7. หากกรณีคุณเสียชีวิตไป * ถ้าลูกหนี้เสียชีวิต ทรัพย์สินของคุณก็จะตกได้แก่ทายาท ซึ่งจะต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ คือรับไปทั้งทรัพย์สินและหนี้สิน แต่หนี้สินนั้นไม่ต้องรับผิดเกินไปกว่าทรัพย์มรดกที่ได้รับ ดังนั้นพ่อแม่คุณไม่ต้องรับผิดเกินกว่ามรดกที่คุณเหลือไว้ครับ เมื่อนำส่วนของกองมรดกคุณชำระหนี้แล้วไม่พอ หนี้นั้นก็เป็นอันระงับเพราะความตายของลูกหนี้ ชีวิตต้องมีลมหายใจต่อไป ค่อย ๆ แก้ไขทีละปัญหาทุกอย่างจะเรียบร้อยไปเองครับ มีคนที่เดือดร้อนและเครียดมากกว่าคุณอีก ขอให้สู้ต่อไปครับ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2008-12-28 08:17:45 |
ความคิดเห็นที่ 3 (1881764) | |
ขอบพระคุณอย่างสูงครับ ที่ทำให้ผมตาสว่างเพิ่มขึ้น ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมเพื่อนผมคนนี้เขาถึงทำอย่างนี้(แม้เขาจะเป็นสจ๊วด แต่เขาจบนิติครับ) ผมคงได้แต่ต้องทำใจ ก้มหน้ายอมรับ และผ่อนไปโดยต้องพยายามหา คนมากู้ร่วมใหม่ หรือ ขายบ้านหลังนี้ให้ได้ซะ อันนี้น่าจะเป็นทางออกสำหรับผมตอนนี้หรือเปล่าครับ ช่วยชี้ทางสว่างให้ผมด้วยครับ ผมถามเพิ่มเติมอีกนิดนะครับ ถ้าขายบ้านได้แล้ว เขาจะมาเรียกร้องเอาทรัพย์สินจากการขายอีกได้หรือไม่ ทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้ช่วยผ่อน แล้วเราจะใช้วิธีทางกฏหมายวิธีใด เพื่อปกป้องสิทธิของตัวเองได้บ้างครับ หากเขาบรรดาลโทสะ ทำลายทรัพย์สินในบ้านหรือบ้านก่อนยอมออกไป (เราถ่ายรูปบ้านและข้าวของไว้ตอนที่ยังดีอยู่) จะเรียกร้องเอาผิดจากเขาได้หรือไม่ครับ ขอบคุณอีกครั้งที่ห่วงใยครับ ผมไม่ฆ่าตัวตายแน่นอนครับ ผมยังมีพ่อแม่ที่ผมรัก และรักผม ผมต้องอยู่ดูแลท่านก่อนครับ มีข้อแนะนำอะไรเพิ่มเติมให้ผมอีกไหมครับ และถ้าว่าจ้างทนายมาตอนที่จะทำการโอนหรือว่าขายบ้านได้ จะเสียค่าใช้จ่ายซักเท่าไหร่ครับ ขอบคุณนะครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น เอ็ม วันที่ตอบ 2008-12-28 12:00:26 |
ความคิดเห็นที่ 4 (1881771) | |
1. หาคนกู้ร่วมใหม่หรือขาย * เรื่องกู้ร่วมเป็นเรื่องภายหลังครับ เพราะการหาคนกู้ร่วมคุณคงหมายความจะเอาชื่อเขาออก แต่เขาคงไม่ตกลงยินยอมง่าย ๆ เพราะตอนนี้เขาคือผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมกับคุณทางทะเบียน แต่หากเขาตกลงโดยดีตามที่คุณต้องการที่จะนำผู้กู้ร่วมคนใหม่มาแทนก็เป็นเรื่องที่ดีและง่าย แต่ต้องได้รับความตกลงยินยอมของเจ้าหนี้ด้วยครับ เรื่องการขาย ก็สามารถทำได้ครับ แต่ปัญหาก็คือ ถ้าคุณไม่มีเงินไปปิด และจะขายโดยติดจำนองไป คนซื้ออาจไม่สนใจซื้อหรือเจ้าหนี้อาจไม่ยินยอม หรือเพื่อนคุณอาจไม่ยินยอมลงชื่อซื้อขายก็ได้ 2. ขายได้แล้วเขาจะมาเรียกร้องเอาทรัพย์สินจากการขายอีกได้หรือไม่ * การขายต้องได้รับความยินยอมจากเขาด้วยตามที่แจ้งไว้ตามข้อ 1. ดังนั้นเมื่อเขายินยอมขายแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องผูกพันกันอีกต่อไป 3. หากเขาบรรดาลโทสะ * กฎหมายไม่ได้เรียกว่าบรรดาลโทสะครับ แต่ถ้าเขาทำลายทรัพย์สินเสียหายแล้วมีพยานรู้เห็นก็แจ้งความฐานทำให้เสียทรัพย์ได้ซึ่งมีโทษจำคุกด้วยครับ 4. การจ้างทนายตอนที่จะทำการโอนหรือขาย * การโอนกรรมสิทธิ์เพื่อซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ คุณสามารถทำเองได้โดยไม่ต้องจ้างทนายหรอกครับ แต่เพื่อความสะดวกอยากให้ไปดูแลให้ก็ได้ครับ เมื่อถึงเวลาก็ติดต่อมาใหม่ครับ โชคดีนะครับ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2008-12-28 12:59:25 |
ความคิดเห็นที่ 5 (1881938) | |
ขอบพระคุณอย่างสูงเลยครับ ในยามที่ชีวิตมืดบอดอย่างนี้ ได้รับคำปรึกษาอย่างดียิ่ง ช่วยให้ผมได้มองหาทางออก ลางๆได้บ้างครับ ชีวิตก็ต้องดิ้นรนกันต่อไปครับ ขอบคุณสำหรับคำปรึกษา และที่สำคัญคือกำลังใจที่มอบให้ผม กราบสวัสดีปีใหม่ และ ขอบพระคุณอีกครั้งครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น เอ็ม วันที่ตอบ 2008-12-28 22:24:40 |
ความคิดเห็นที่ 6 (1881946) | |
ยินดีอย่างยิ่งครับ สวัสดีปีใหม่เช่นกัน | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2008-12-28 23:05:06 |
ความคิดเห็นที่ 7 (1882640) | |
สวัสดีครับผมมีเรื่องรบกวนถามอีกสักเรื่องนะครับ คือว่าผมได้ไปคุยกับเขามาอีกครั้ง เขายืนยันไม่จ่ายไม่ย้ายไม่เซ็นต์(ปวดหัวมาก) ตอนนี้ผมกับเขา ไม่สามารถตกลงประนีประนอมกันได้แล้ว และเขาก็ยืนยันจะไม่เซ็นต์ย้าย หรือโอนกรรมสิทธิ์บ้านให้ ทั้งๆที่ไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ดังนี้แล้วผมควรทำอย่างไรครับ ต้องพึ่งศาลไกล่เกลี่ย หรือทำยังไงครับ ขั้นตอนเหล่านี้ที่เกิดขึ้นจะนานแค่ไหน แล้วศาลจะมีอำนาจบีบบังคับให้เขาออกจากบ้านหลังนี้ไปได้หรือไม่ และยาวนานเท่าไร เพื่อที่ผมจะได้นำบ้านมาใช้ประโยชน์หรือขายไป ตอนนี้ผมมีเอกสารเกี่ยวกับการผ่อนบ้านที่ผมจ่ายโดยโอนผ่านบัญชีผมเกือบทุกงวด น่าจะเป็นหลักฐานที่มีน้ำหนักพอไหมครับที่ศาลจะเห็นว่าผมต้องรับภาระอยู่คนเดียว ข้อสุดท้าย ค่าใช้จ่ายด้านทนายแพงมากไหมครับ แค่ส่งค่าบ้านผมก็แย่แล้วครับ รบกวนชึ้ทางให้อีกสักทีนะครับ ขอบพระคุณอย่างสูงครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น เอ็ม วันที่ตอบ 2008-12-30 22:40:25 |
ความคิดเห็นที่ 8 (1882727) | |
เมื่อคุณมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันคุณก็มีสิทธิที่จะใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ดังนั้นคุณก็น่าจะเข้าไปพักอาศัยอยู่ในบ้านเหมือนที่เขาทำ เช่นอาจจะนำญาติพี่น้องเข้าไปอยู่เพื่อกดดันให้เขาดำเนินการอะไรสักอย่างหนึ่งก็อาจเป็นทางออกอีกทางหนึ่ง ส่วนเรื่องการฟ้องร้องก็สามารถทำได้ แต่อาจติดขัดอยู่ที่เจ้าหนี้ ถ้าศาลมีคำสั่งให้คุณเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว แต่ทางเจ้าหนี้ก็คงไม่ยอมดำเนินการใด ๆ ให้จนกว่าจะไถ่ถอนจำนองเสียก่อนครับ ต้องการทราบรายละเอียดอื่นกรุณาติดต่อ 085-960-4258
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2008-12-31 14:56:49 |
[1] |