ReadyPlanet.com


เอาออกจากราชการและฟ้องหย่าพร้อมส่งเงินเลี้ยงดู


เอาออกจากราชการและฟ้องหย่าพร้อมส่งเงินเลี้ยงดู

ดิฉันแต่งงานกับสามี ปี 2539 ปัจจุบันดิฉันไม่ได้ทำงาน สามีรับราชการ เราจดทะเบียนสมรสกัน มีบุตรสาว 1 คน อายุ  13 ปี เราแยกกันทำงานสามีดิฉันทำงานอยู่ จ.นนทบุรี ดิฉันทำงานอยู่ จ.อ่างทอง และเลี้ยงดูลูก สามีจะกลับบ้านทุกวันศุกร์และกลับไปทำงานวันจันทร์ตอนเช้า ประมาณ 2 ปีที่ผ่านมาดิฉันจับได้ว่าสามีดิฉันเที่ยวผู้หญิง พวกสาวไซค์ไลน์ ดิฉันสอบถามแต่เขาปฏิเสธ แต่ดิฉันมีหลักฐานเป็นข้อความทางเมล์ หลังจากจับได้ดิฉันก็ไม่ได้นอนกับสามีเหตุเพราะกลัวติดเชื้อโรค และหลังจากนั้นดิฉันก็ทราบว่าเขามีหญิงอื่นเรื่อย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงหากินเขามิได้จริงจังอะไร และสามีก็กลับมาบ้านตามปกติ วันที่ 13 เมษายน 56 สามีดิฉันได้บอกกับดิฉันว่าบ้านเขาทีหลังไม่ต้องมาก็ได้ ดิฉันเสียใจมาก และช่วงหลัง มีเรื่องทะเลาะกันเรื่อยเพราะสามีไม่ค่อยกลับบ้าน และจับได้ว่ามีหญิงอื่น (ประมาณเดือนพฤษภาคม) เธอเปิดร้านสปา หลังจากดิฉันจับได้ว่าสามี มีหญิงอื่นดิฉันได้ขอร้องให้เลิกกับเธอ สามียอมรับว่าทำผิด  สามีบอกว่าเลือกดิฉันและลูก แต่สามีบอกว่ายังเลิกไม่ได้  (ไม่ยอมบอกเหตุผลว่าเพราะสาเหตุใด) และห้ามไม่ให้ดิฉันเข้าไปยุ่งบอกว่าเขาจะแก้ไขเองและถ้าดิฉันเข้าไปยุ่งก็กลัวจะเลิกกับผู้หญิงคนนั้นได้ยาก และกลัวเธอไม่ยอมและเข้าไปฟ้องนาย  ดิฉันก็ทนคิดว่าเขาจะกลับตัวและพยายามเลิกกับผู้หญิงคนนั้น สามีได้ให้ดิฉันลาออกจากงานเพื่อจะไปอยู่ด้วยกันและก็จะพยายามห่างจากผู้หญิงคนนั้น  แต่ปัจจุบันดิฉันลาออกจากงานมาแล้วตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2556 แต่ตอนก่อนสิ้นเดือนกรกฎาคม ดิฉันไปที่คอนโด เจอเสื้อผ้าและของใช้ของผู้หญิงอยู่ในห้อง สอบถามจึงได้รู้ว่าได้ลักลอบ พาไปนอนอยู่ที่คอนโดสวัสดิการ โดยผู้หญิงได้เข้าไปที่คอนโดเวลากลางคืนหลังเลิกงานแล้ว ดิฉันคิดว่าทนการกระทำของสามีไม่ไหวเพราะตลอดเวลาก็พยายามที่จะอดทนเพื่อที่จะกลับมาอยู่กินกันเหมือนเดิมแต่สามีกลับทำเหมือนกับว่าไหน ๆ ดิฉันก็รู้แล้วว่ามีคนอื่นก็เลยพาไปนอนด้วยกันที่คอนโดซะเลย สร้างความเจ็บช้ำให้กับดิฉันและลูกมาก และที่ทนไม่ได้มากครั้งสุดท้ายคือตั้งแต่วันที่ 26-28 สิงหาคม 2556  ดิฉันทราบว่าสามีดิฉันลางาน (โดยที่ทำงานไม่มีใครรู้ว่าไปไหน) แต่มีคนบอกว่าสงสัยไปแต่งงานกับผู้หญิงที่บ้านพ่อแม่ที่ จ.นครพนม ดิฉันและลูกพยายามโทรติดต่อแต่เขาปิดเครื่องไม่สามารถติดต่อได้เลย ดิฉันและลูกเสียใจเป็นอย่างมาก เลยต้องการฟ้องร้องให้สามีออกจากราชการ เพราะที่สามีดิฉันได้รับราชการก็เพราะทางบ้านดิฉันช่วยเหลือทุกอย่าง จนปัจจุบัน ยศ ร.ท. และที่ทนไม่ได้อีกอย่างคือ สามีโกหกพ่อและแม่ดิฉัน และปัจจุบันไม่เข้าไปบ้านพ่อแม่ดิฉันแถมยังไม่ไหว้พ่อแม่ดิฉันด้วย

สรุป        1. ต้องการให้สามีออกจากราชการ

             2. ต้องการให้สามีส่งเงิน ค่าบ้าน ค่ารถ ค่าใช้จ่ายในบ้านพร้อมค่าเรียนหนังสือของบุตรและค่าใช้จ่ายส่วนตัวของบุตรและดิฉันทุกเดือน เพราะปัจจุบันดิฉันไม่มีงานทำ

ไม่ทราบว่าจะดำเนินการได้หรือไม่คะ และต้องทำอย่างไรบ้างคะ



ผู้ตั้งกระทู้ พร :: วันที่ลงประกาศ 2013-08-30 02:39:53


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2409628)

1. ต้องการให้สามีออกจากราชการ
ตอบ - ไปร้องเรียกผู้บังคับบัญชา หรือหน่วยงานต้นสังกัดตามระเบียบราชการ

2. ต้องการให้สามีส่งเงิน ค่าบ้าน ค่ารถ ค่าใช้จ่ายในบ้านพร้อมค่าเรียนหนังสือของบุตรและค่าใช้จ่ายส่วนตัวของบุตรและดิฉันทุกเดือน เพราะปัจจุบันดิฉันไม่มีงานทำ
ไม่ทราบว่าจะดำเนินการได้หรือไม่คะ และต้องทำอย่างไรบ้างคะ

ตอบ - เมื่อคุณได้ร้องเรียนให้สามีออกจากราชการแล้ว สามีคงไม่มีรายได้ที่จะส่งเงินค่าบ้าน ค่ารถ ค่าใช้จ่ายในบ้านพร้อมค่าเรียนหนังสือของบุตร และค่าใช้จ่ายส่วนตัวของบุตร และของคุณอีกต่อไป แนะนำว่าไม่ควรร้องเรียนให้สามีออกจากราขการ เพราะปัญหาตามมาน่าจะเป็นผู้ร้ายหรือเสียมากกว่าได้ สำหรับค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรและคุณหากคุณไม่ได้รับหรือได้รับไม่พอกับการครองชีพก็ฟ้องได้ครับ แล้วบังคับคดีเอาครับ

มาตรา 1462  ในกรณีที่สามีภริยาไม่สามารถที่จะอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยปกติสุขได้ หรือถ้าการอยู่ร่วมกันจะเป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจหรือทำลายความผาสุกอย่างมาก สามีหรือภริยาฝ่ายที่ไม่สามารถที่จะอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยปกติสุขได้หรือฝ่ายที่จะต้องรับอันตรายหรือถูกทำลายความผาสุก อาจร้องต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งอนุญาตให้ตนอยู่ต่างหากในระหว่างที่เหตุนั้น ๆ ยังมีอยู่ก็ได้ ในกรณีเช่นนี้ศาลจะกำหนดจำนวนค่าอุปการะเลี้ยงดูให้ฝ่ายหนึ่งจ่ายให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งตามควรแก่พฤติการณ์ก็ได้

มาตรา 1598/38  ค่าอุปการะเลี้ยงดูระหว่างสามีภริยา หรือระหว่างบิดามารดากับบุตรนั้นย่อมเรียกจากกันได้ในเมื่อฝ่ายที่ควรได้รับอุปการะเลี้ยงดูไม่ได้รับการอุปการะเลี้ยงดูหรือได้รับการอุปการะเลี้ยงดูไม่เพียงพอแก่อัตภาพ ค่าอุปการะเลี้ยงดูนี้ศาลอาจให้เพียงใดหรือไม่ให้ก็ได้ โดยคำนึงถึงความสามารถของผู้มีหน้าที่ต้องให้ ฐานะของผู้รับและพฤติการณ์แห่งกรณี

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ โทร. 085-9604258 วันที่ตอบ 2013-09-06 04:01:28



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล