 | |||||||||
| |||||||||
ผู้ตั้งกระทู้ แม่ลูกหนึ่ง :: วันที่ลงประกาศ 2009-04-22 18:23:18 | |||||||||
| [1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (1928959) | |
1. เรื่องระหว่าคุณกับธนาคาร ไม่มีปัญหาอะไรที่ต้องกังวลใจครับ เพราะ ธนาคารเป็นเจ้าหนี้ คุณเป็นลูกหนี้ เมื่อได้ชำระหนี้หมดแล้ว หนี้ระหว่างคุณกับธนาคารก็ระงับ ส่วนสามีเก่าที่จดทะเบียนกันแล้วยังไม่ได้หย่า และในระหว่าสมรสนั้นคุณได้กรรมสิทธิ์บ้านและที่ดินนี้มาภายหลังการสมรส ในสายตากฎหมายถือว่าเป็นสินสมรส หากทางสามีเดิมติดใจก็อาจจะเป็นเรื่องเป็นราวที่ต้องกังวลได้ สำหรับสามีคนใหม่ไม่เกี่ยวกับทรัพย์สินที่ได้ก่อนสมรส จึงไม่มีประเด็นเรื่องจะหย่ากันก่อนดีหรือไม่เพราะในโฉนดที่แสดงไว้ชัดเจนว่าคุณจดทะเบียนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ก่อนสมรสกับสามีใหม่นี้เขาจึงไม่เกี่ยวข้องกับบ้านและที่ดินของคุณ 2. สามารถโอนได้ครับ ถ้าไม่มีหนี้หรือภาระผูกพันเป็นการให้โดยเสน่หา แต่คิดให้รอบครอบนะครับ หากวันใดอยากจะขายทรัพย์ของบุตร ต้องขออนุญาตศาลจึงขายได้ ถ้าศาลเห็นว่าการขายนั้นไม่เป็นประโยชน์ต่อบุตร ศาลก็อนุญาตให้ขายไม่ได้ครับ 3. เมื่อเกิดปัญหาเกี่ยวกับเรื่องที่เล่ามานั้น หากไม่มีทางเลือกก็คงต้องเปิดเผยนะครับ การแต่งงานหลายครั้งไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอายสำหรับครอบครัว (พ่อแม่) เมื่อชีวิตผ่านเลยจุดที่พ่อแม่ควรเป็นห่วงเป็นใย ก็ไม่มีเรื่องอะไรต้องปิดบัง เพราะการสมรสเป็นเรื่องเฉพาะตัวของคุณ และคุณก็เป็นผู้ใหญ่พอที่จะจัดการปัญหาของคุณได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไร แต่ที่กังวลก็เรื่องสามีใหม่ของคุณเท่านั้นว่า เมื่อเขารู้แล้วเขารับได้หรือไม่ สำหรับคำถามเกี่ยวกับเรื่องธนาคารนั้น เป็นเรื่องภายในของธนาคารซึ่งผมเองคงลงลึกเข้าไปในปัญหานั้นไม่ได้ครับ หากเขาพบข้อมูลที่คลาดเคลื่อนซึ่งหากไม่ได้แก้ไขแล้วจะมีผลถึงธนาคาร ทางธนาคารอาจขอให้แก้ไขก่อนก็ได้ เรื่องนี้จึงตอบไม่ได้ แต่แนวโน้มไม่น่าจะมีปัญหานะครับ 4. การไถ่ถอน สินส่วนตัว จึงไม่เกี่ยวกับสามีใหม่ ไม่มีกฎหมายบังคับให้สามีใหม่ต้องมาให้ความยินยอมในเรื่องนี้ คู่สมรสแต่ละฝ่ายมีอำนาจจัดการสินสมรสได้โดยลำพังครับ
ขอให้คุณแก้ปัญหาลุล่วงไปได้ดีนะครับ หากมีคำถามเพิ่มเติมก็ถามเข้าใหม่นะครับ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-04-23 15:28:45 | |
| [1] |
