อยากทราบว่าต้องทำอย่างไร | |
ศาลจะอ่านฏีกาโดยผมเป็นจำเลยคดีกู้ยืมเงิน โดยศาลชั้นต้นให้โจทก์ชนะ ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยชนะ เหลือฏีกาซึ่งนัดวันฟังผลเดือนหน้า ผมเป็นจำเลยต้องไปฟังไหมครับเพราะสอบถามทนายแล้วบอกว่าไม่ควรไป แต่ส่วนตัวคิดว่าชนะเพราะไม่ได้กู้ ถ้าไม่ไปหรือไปฟังจะมีผลต่างกันหรือไม่ครับ | |
ผู้ตั้งกระทู้ สิงโต :: วันที่ลงประกาศ 2013-09-06 21:53:31 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (2414660) | |
คำถามของผู้ถามคือ-- ผมเป็นจำเลยต้องไปฟังไหมครับเพราะสอบถามทนายแล้วบอกว่าไม่ควรไป โดยขั้นตอนในกรณีที่จำเลยไปฟังคำพิพากษา จำเลยรับทราบคำพิพากษาในวันที่ศาลอ่านคำพิพากษาให้คู่ความในคดีทราบ ศาลจะให้คู่ความที่มาศาลลงชื่อที่หน้าสำนวนเพื่อรับทราบคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาให้ชำระหนี้ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดซึ่งถ้าเป็นคดีแพ่งสามัญก็จะให้เวลาปฏิบัติตามคำพิพากษา 30 วัน หากเป็นคดีมโนสาเร่ ก็จะให้เวลา 15 วัน หากจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำบังคับ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา หรือโจทก์ ก็จะดำเนินการขอออกหมายบังคับคดี ขอให้ศาลตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของลูกหนี้ ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ต่อไป สำหรับกรณีที่จำเลยไม่ไปฟังคำพิพากษาในวันนัด เจ้าหนี้ หรือโจทก์ก็จะต้องส่งคำบังคับให้จำเลยทราบว่าศาลได้มีคำพิพากษาเป็นประการใด ซึ่งในทางปฏิบัติแล้ว จำเลยส่วนใหญ่ไม่ค่อยไปฟังคำพิพากษาเพราะจะได้มีระยะเวลาในการรับทราบคำพิพากษาออกไปอีกทำให้เจ้าหนี้เสียเวลาออกไปอีกเล็กน้อย ดังนั้นการที่ทนายความของคุณได้แนะนำว่าไม่ควรไปฟังคำพิพากษาก็อาจเป็นเทคนิคอย่างหนึ่งให้จำเลยมีเวลาที่จะถูกบังคับคดียืดออกไปอีกระยะหนึ่ง
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความลีนนท์ วันที่ตอบ 2013-09-18 12:32:35 |
[1] |