ReadyPlanet.com


คดีพรากผู้เยาว์อายุเกิน 15ปี แต่ไม่เกิน 18ปีโดยผู้เยาว์ยินยอมหรือไม่ยินยอม


นาย ก. อายุ 17ปี ได้ทำการนัดแนะกับนางสาว ข.อายุ 17ปี  11 เดือน(อายุนางสาว ข. ณ วันที่เกิดคดี)

 มาที่บ้านของนาง ค.(ซึ่งเป็นยายของนาย ก.)โดยที่นาง ค.ไม่ทราบเรื่องแต่อย่างใด และนาย ก.ก็ได้กระทำการอนาจารณ์และสำเร็จความใคร่โดยมีการสอดใส่ ภายในห้องของนาย ก. โดยที่นางสาว ข. ยินยอม

ถามว่ากรณีนี้

1. นาย ก. มีความผิดตามมาตราใด และต้องระวางโทษอย่างไรบ้าง

2. กรณีผู้เยาว์สมยอม นางสาวข. มีความผิดหรือไม่ หากมีความผิดจะผิดตามมาตราใด ระวางโทษอย่างไร

3. หากนางสาว ข.ไม่ยินยอมแต่โดนบังคับขืนใจ โทษตามข้อ1. ของนาย ก. จะต่างกันยังไง และนางสาว ข.มีความผิดหรือไม่

 



ผู้ตั้งกระทู้ นิพันธ์ คงมา :: วันที่ลงประกาศ 2009-05-13 08:45:24


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1936902)

1. นาย ก. มีความผิดตามมาตรา 319 ประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 319 ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไป เสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และ ปรับตั้งแต่สี่พันบาทถึงสองหมื่นบาท

มาตรา 283ทวิ ผู้ใดพาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ


 

2. กรณีผู้เยาว์สมยอม นางสาวข. มีความผิดหรือไม่ หากมีความผิดจะผิดตามมาตราใด ระวางโทษอย่างไร

---ไม่มี เนื่องจากไม่ได้พราก และไม่ได้พา  และอายุเกินกว่า 15 ปี แล้ว (ความเห็น)

3. หากนางสาว ข.ไม่ยินยอมแต่โดนบังคับขืนใจ โทษตามข้อ1. ของนาย ก. จะต่างกันยังไง และนางสาว ข.มีความผิดหรือไม่

---มาตรา 318 ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไป ด้วยต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่พันบาท ถึงสองหมื่นบาท

 

---มาตรา 278 ผู้ใดกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดย ขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้บุคคลนั้นเข้าใจผิดว่า ตนเป็นบุคคลอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกิน สองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-05-13 17:27:36


ความคิดเห็นที่ 2 (1936905)
 

ผู้ใดพาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ - ในวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยได้กระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง ประกอบกับจำเลยและ ผู้เสียหายเคยเป็นคู่รักกัน วันเกิดเหตุจำเลยพาผู้เสียหายไปเที่ยวและจำเลยได้กระทำชำเราผู้เสียหาย พฤติการณ์ส่อแสดงว่าผู้เสียหายยินยอมไปกับจำเลยและร่วมประเวณีกัน ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายมีอายุ 15 ปีเศษ เมื่อจำเลยพาผู้เสียหายไปและร่วมประเวณีกับผู้เสียหายเช่นนี้ จึงเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 283 ทวิ วรรคหนึ่ง

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6276/2547

 

พฤติการณ์ของผู้เสียหายและจำเลยส่อแสดงว่าผู้เสียหายยินยอมไปกับจำเลยและร่วมประเวณีกันยังฟังไม่ได้ว่าเป็นการพาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจารโดยใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 284 วรรคหนึ่ง แต่ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายมีอายุ 15 ปีเศษ เมื่อจำเลยพาผู้เสียหายไปและร่วมประเวณีกับผู้เสียหายเช่นนี้ จึงเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 283 ทวิ วรรคหนึ่ง

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาความผิดพาหญิงไปเพื่อการอนาจารตาม ป.อ. มาตรา 284 วรรคหนึ่ง ซึ่งมีโทษหนักกว่า แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยพาบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจารอันเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 283 ทวิ วรรคหนึ่ง ซึ่งมีโทษเบากว่า ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 283 ทวิ วรรคหนึ่ง ได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 215 และมาตรา 225

 

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายโดยการใช้กำลังประทุษร้ายด้วยการใช้มือกดคอผู้เสียหายอย่างแรงจนทำให้ผู้เสียหายอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้ เหตุทั้งหมดเกิดที่ตำบลหัวหวาย อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ และตำบลเทพนคร อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร เกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 91, 276, 284, 310

จำเลยให้การปฏิเสธ

ระหว่างพิจารณา นายบุญช่วย บิดาของนางสาวอิสรา ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 276 วรรคหนึ่ง, 284 วรรคหนึ่ง, 310 วรรคหนึ่ง ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจาร และความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานข่มขืนกระทำชำเราอันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 ขณะกระทำความผิดจำเลยอายุ 17 ปีเศษ ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่ง ตาม ป.อ. มาตรา 76 ลงโทษจำคุก 2 ปี อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534 มาตรา 104 (2) ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครสวรรค์มีกำหนด 2 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษา

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 6 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยได้กระทำความผิดดังโจทก์ฟ้องหรือไม่ เห็นว่า เหตุคดีนี้เกิดในเวลากลางวัน บริเวณที่เกิดเหตุเป็นบริเวณสถานีรถไฟ หากมีเหตุการณ์ฉุดดึงผู้เสียหายขึ้นรถยนต์ของจำเลยจริงก็ย่อมจะมีผู้อื่นนอกจากผู้เสียหายและเด็กหญิงหทัยชนกซึ่งเป็นญาติผู้เสียหายรู้เห็นเป็นพยานด้วย นอกจากนี้ตามคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกอนันต์ พยานโจทก์และโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้สอบสวนคดีนี้ปรากฏว่าในทางสอบสวนได้ความว่าจำเลยกับผู้เสียหายเป็นคนรักกัน ในวันเกิดเหตุผู้เสียหายและจำเลยได้ไปเที่ยวน้ำตกคลองลานด้วยกัน โดยในการไปเที่ยวนั้นได้มีการนัดแนะผ่านทางเพื่อนของจำเลยมาก่อน และก่อนที่ผู้เสียหายจะให้ดำเนินคดีนี้นั้นก็ได้มีการเรียกร้องค่าเสียหาย แต่ฝ่ายผู้เสียหายเรียกร้องเป็นจำนวนมากเรื่องจึงตกลงกันไม่ได้ ข้อเท็จจริงจึงยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นตามที่โจทก์ฟ้องมาคงมีปัญหาวินิจฉัยต่อไปว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจาร และฐานข่มขืนกระทำชำเราหรือไม่ ข้อนี้ได้ความจากคำเบิกความของผู้เสียหายว่าในระหว่างที่ผู้เสียหายอยู่ที่บ้านป้าของจำเลยที่จังหวัดกำแพงเพชรนั้น จำเลยได้กระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง ซึ่งในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาจำเลยก็รับว่าในระหว่างนั้นจำเลยได้กระทำชำเราผู้เสียหายที่บ้านป้าที่อำเภอเมืองกำแพงเพชรจริงโดยผู้เสียหายยินยอม ข้อเท็จจริงในส่วนนี้จึงรับฟังได้ว่าในวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยได้กระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง ประกอบกับจำเลยและ ผู้เสียหายเคยเป็นคู่รักกัน วันเกิดเหตุจำเลยพาผู้เสียหายไปเที่ยวและจำเลยได้กระทำชำเราผู้เสียหาย พฤติการณ์ส่อแสดงว่าผู้เสียหายยินยอมไปกับจำเลยและร่วมประเวณีกัน พยานหลักฐานโจทก์และโจทก์ร่วมยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำชำเรา ผู้เสียหายโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ ผู้เสียหายเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่นทั้งมิใช่การพาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจารโดยใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 276 วรรคหนึ่ง และมาตรา 284 วรรคหนึ่ง แต่ขณะเกิดเหตุ ผู้เสียหายมีอายุ 15 ปีเศษเมื่อจำเลยพาผู้เสียหายไปและกระทำชำเราผู้เสียหายเช่นนี้จึงเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 283 ทวิ วรรคหนึ่ง แม้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยพาหญิงไปเพื่อการอนาจารตาม ป.อ. มาตรา 284 แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยพาบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจารตามมาตรา 283 ทวิ วรรคหนึ่ง ซึ่งมีโทษเบากว่าศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 283 ทวิ วรรคหนึ่ง ได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 215 และมาตรา 225

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 283 ทวิ วรรคหนึ่ง ขณะกระทำความผิดจำเลยอายุ 17 ปีเศษ ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 76 จำคุก 2 ปี ปรับ 6,000 บาท คำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนและในชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน ปรับ 4,000 บาท พิเคราะห์รายงานของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครสวรรค์ ประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยรับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยได้กลับตนเป็นคนดี อาศัยอำนาจตาม ป.อ. มาตรา 56 จึงให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 2 ปี และให้คุมความประพฤติโดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อครั้ง หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้ส่งตัวจำเลยไปควบคุมเพื่อฝึกและอบรมในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครสวรรค์ มีกำหนด 1 เดือน ทั้งนี้โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534 มาตรา 107 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6

( ประเสริฐ เขียนนิลศิริ - อมร วีรวงศ์ - ชวลิต ยอดเณร )

 

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 283ทวิ ผู้ใดพาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าการกระทำความผิดตาม วรรคแรกเป็นการกระทำแก่เด็กอายุยังไม่ เกินสิบห้าปี ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้ใดซ่อนเร้นบุคคลซึ่งถูกพา ไปตามวรรคแรกหรือวรรคสอง ต้องระวาง โทษตามที่บัญญัติในวรรคแรกหรือวรรคสอง แล้วแต่กรณี

ความผิดตามวรรคแรกและ วรรคสามเฉพาะกรณีที่กระทำแก่บุคคลอายุ เกินสิบห้าปี เป็นความผิดอันยอมความได้

มาตรา 284 ผู้ใดพาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้ายใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธี ข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท

ผู้ใดซ่อนเร้นบุคคลซึ่ง ถูกพาไปตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่น เดียวกับผู้พาไปนั้น

"ความผิดตาม มาตรานี้ เป็นความผิดอันยอมความได้"

 http://www.peesirilaw.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538677362&Ntype=777

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-05-13 17:29:27


ความคิดเห็นที่ 3 (2028544)

อยากสอบถามว่าผมอายุ27ปีมีแฟนอายุ17ปี วันหนึ่งเธอมาหาผม บอกว่าเธอทะเลาะกับที่บ้านไม่อยากอยู่ที่บ้านแล้ว บอกว่าจะมาอยู่กับผม ทั่งที่ผมก็บอกให้เธอกลับบ้านไปเรียนให้จบแต่ฝ่ายหญิงไม่ยอมบอกว่าถ้าไม่ให้เธออยู่ เธอจะไปอยู่ที่อื่น ผมจึงต้องจำใจให้เธออยู่และเพื่อนฝ่ายหญิงโทรมาถามว่าเธออยู่กับผมไหม เธอให้ผมบอกว่าไม่อยู่ให้ผมโกหกถ้าไม่อย่างนั้นเธอจะหนีไปอยู่ที่อื่น โดยที่มไม่รู้จะทำไงจึงให้เธออยู่ เธออยู่กับผมได้4วัน แล้วเธอก็กลับไป พอตอนบ่ายฝ่ายหญิงได้พาพ่อแม่และตำรวจบอกว่าจะเอาเรื่องจะให้ทดใช้เป็นเงิน5หมื่นบาทถ้าไม่มีให้ก็จะให้ผมติดคุก แค่อยากทราบว่าผมจะต้องโดนคดีอะไรบ้างและจะแก้ปัญหายังไง เพราะเธอหนีมาอยู่เองและผมก็ดูแลเธอเหมือนภรรยาแต่พ่อแม่ฝ่ายหญิงต้องการเงินผมจะต้องติดคุกใช่ไหม แต่ถ้าไม่ยอมจะต้องขึ้นศาลไปฟ้องกันใช่ไหมและศาลจะพิจารณาว่ายังไงบ้าง ทั้งที่ผมไม่เคยมีคดีอะไรเลย

ผู้แสดงความคิดเห็น narong วันที่ตอบ 2010-01-26 10:02:05



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล