ReadyPlanet.com


โดนล่อซื้อ2เม็ดค่ะ


คือว่าแฟนนู๋โดนล่อซื้อสองเม็ดอ่ะค่ะแต่มั่ยแน่ใจอ่ะว่าโดนล่อซื้อหรือว่าล่อขายกันแน่เพราะว่าตอนที่โดนจับแฟนนู๋ไปเอาของแล้วโดนจับ แล้วตอบตำรวจก็ให้เปนสายอีกรอบคือต้องจับเพื่อนตัวเองพอแฟนนู๋ปฏิเสธตำรวจก็บอกว่าสิบเม็ดที่อยุ่ในมือของตำรวจตอนเนี๊ยจะเปนของแฟนนู๋ทันทีแต่แฟนทำมั่ยำเร็จค่ะคือว่าจับเพื่อนตัวเองมั่ยได้วันที่โดนจับตำรวจบอกว่าแฟนนู๋เปนผู้เสพแต่พออีกวันนึงที่ไปขึ้นศาลตำรวจกลับบอกว่าเปนผู้จำหน่ายและจำหน่ายคือว่าหนักกว่าเดิมเยอะค่ะแล้วถ้าเปนเเบบนี้จิงแฟนนู๋ต้องติดประมาณกี่ปีค่ะรบกวนตอบหน่อยค่ะร้อนใจจิงๆเเละมีทางไหนอีกมั๊ยค่ะที่จะทำให้แฟนเปนผู้เสพเพราะจิงๆเค้าก้อเเค่เล่นเฉยๆอ่ะค่ะ


ผู้ตั้งกระทู้ นู๋ร้อนใจ :: วันที่ลงประกาศ 2009-07-20 22:24:18


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1965553)

การจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 มีโทษขั้นต่ำ 4 ปี รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ 2 ปี

สำหรับการที่จะต่อสู้คดีว่ามีไว้เพื่อเสพนั้น เมื่อพิจารณาพฤติการณ์ข้อเท็จจริงที่เล่ามานั้นน่าจะเป็นการยากที่ศาลจะเชื่อ หากศาลไม่เชื่อก็จะมีโทษขั้นต่ำ 4 ปีครับ

 

 

มาตรา 15 ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 เว้นแต่รัฐมนตรีได้อนุญาตเฉพาะในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ของทางราชการ
การขออนุญาตและการอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
การผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ตามปริมาณดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าเป็นการผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
(1) เด็กซ์โตรไลเซอร์ไยด์ หรือ แอล เอส ดี มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ศูนย์จุดเจ็ดห้ามิลลิกรัมขึ้นไป หรือมียาเสพติดที่มีสารดังกล่าวผสมอยู่จำนวนสิบห้าหน่วยการใช้ขึ้นไปหรือมีน้ำหนักสุทธิตั้งแต่สามร้อยมิลลิกรัมขึ้นไป
(2) แอมเฟตามีนหรืออนุพันธ์แอมเฟตามีน มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่สามร้อยเจ็ดสิบห้ามิลลิกรัมขึ้นไป หรือมียาเสพติดที่มีสารดังกล่าวผสมอยู่จำนวนสิบห้าหน่วยการใช้ขึ้นไป หรือมีน้ำหนักสุทธิตั้งแต่หนึ่งจุดห้ากรัมขึ้นไป...

 

มาตรา 66 ผู้ใดจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาตและมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ หรือมีจำนวนหน่วยการใช้ หรือมีน้ำหนักสุทธิไม่ถึงปริมาณที่กำหนดตามมาตรา 15 วรรคสาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงสิบห้าปี หรือปรับตั้งแต่แปดหมื่นบาทถึงสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้ายาเสพติดให้โทษตามวรรคหนึ่งมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ปริมาณที่กำหนดตามมาตรา 15 วรรคสาม แต่ไม่เกินยี่สิบกรัม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงจำคุกตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่สี่แสนบาทถึงห้าล้านบาท
ถ้ายาเสพติดให้โทษตามวรรคหนึ่งมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินยี่สิบกรัมขึ้นไปต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่หนึ่งล้านบาทถึงห้าล้านบาท หรือประหารชีวิต


ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-07-21 09:25:44


ความคิดเห็นที่ 2 (1965590)

กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษบทหนัก

 

การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีน 62 เม็ด น้ำหนัก 5.6625 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 1.5562 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายในคราวเดียว แม้จำเลยได้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 50 เม็ด ไปก่อน และยังคงมีเมทแอมเฟตามีน 12 เม็ด เหลืออยู่ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่ง แต่หลังจากนั้นจำเลยก็ได้จำหน่ายหมดไปในครั้งที่ 2 โดยไม่มีเมทแอมเฟตามีนเหลืออยู่ในครอบครองของจำเลยอีกต่อไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทในแต่ละครั้งรวม 2 กรรม เท่านั้น

 

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีน 62 เม็ด น้ำหนัก 5.6625 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 1.5562 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายในคราวเดียว แม้จำเลยได้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 50 เม็ด ไปก่อน และยังคงมีเมทแอมเฟตามีน 12 เม็ด เหลืออยู่ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่งแต่หลังจากนั้นจำเลยก็ได้จำหน่ายหมดไปในครั้งที่ 2 โดยไม่มีเมทแอมเฟตามีนเหลืออยู่ในครอบครองของจำเลยอีกต่อไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทในแต่ละครั้งรวม 2 กรรม เท่านั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนครั้งแรกเป็น 2 กรรม ต่างกัน ส่วนที่จำหน่ายส่วนที่เหลือจนหมดเป็นกรรมเดียวกับที่จำหน่ายครั้งแรกและให้ลงโทษฐานจำหน่ายเพียงกรรมเดียวจึงยังไม่ถูกต้อง

พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 2 ครั้ง นั้น จำเลยมีความผิดรวม 2 กรรม ซึ่งความผิดแต่ละกรรมดังกล่าวเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทจึงต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 50 เม็ด ในกรรมแรกให้ลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสอง จำคุก 5 ปี และปรับ 400,000 บาท ส่วนความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่เหลืออีก 12 เม็ด ในกรรมที่สองมีอัตราโทษเท่ากันให้ลงโทษจำเลยฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง จำคุก 4 ปี เมื่อรวมกับโทษฐานเสพเมทแอมเฟตามีนและลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้ว คงจำคุก 4 ปี 9 เดือน และปรับ 200,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2.

( ม.ล.ฤทธิเทพ เทวกุล - สบโชค สุขารมณ์ - มนตรี ยอดปัญญา )

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4944/2550

 

 

http://www.deka2007.supremecourt.or.th/deka/web/docdetail.jsp

 

ผู้แสดงความคิดเห็น * วันที่ตอบ 2009-07-21 10:10:01


ความคิดเห็นที่ 3 (1965666)

ถูกใช้ (จ้าง วาน)ให้ไปซื้อยาบ้า (ยาเสพติดให้โทษประเภท 1) 199 เม็ด นำมาให้ผู้ซื้อ แม้จะมีปริมาณที่เข้าข้อสันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โจทก์ต้องพิสูจน์ให้ศาลเชื่อว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย การไปซื้อให้บุคคลชอื่นนั้นจึงเป็นการครอบครองแทนบุคคลอื่น ไม่มีความผิดฐานครอบครองเพื่อจำหน่าย

 

 

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยพร้อมยึดได้เมทแอมเฟตามีนจำนวน 199 เม็ด ซึ่งจำเลยมีไว้ในครอบครองและเงินสดจำนวน 480 บาทเป็นของกลางมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ เห็นว่า ความผิดที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยกฎหมายกำหนดอัตราโทษขั้นต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป ดังนั้นแม้ในชั้นพิจารณาจำเลยจะให้การรับสารภาพ โจทก์ก็ยังต้องนำพยานหลักฐานมาสืบประกอบคำรับสารภาพของจำเลยให้ศาลรับฟังจนเป็นที่พอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามฟ้อง จึงจะลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรคหนึ่ง คดีนี้แม้โจทก์จะมีร้อยตำรวจโทณรงค์ สงบ ผู้จับกุมจำเลยมาเบิกความว่า ก่อนจับกุมมีสายลับมาแจ้งว่าในวันดังกล่าวจะมีชายวัยรุ่นขับรถจักรยานยนต์มาจากบ้านกะแลจะไปบ้านสันเจริญ สงสัยว่าชายดังกล่าวจะนำยาเสพติดให้โทษมาด้วยพยานกับพวกจึงไปตั้งจุดสกัดดักจับจำเลยพร้อมยึดได้เมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 199 เม็ดที่จำเลยนำติดตัวมา เมื่อพยานแจ้งข้อหาว่ามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง จำเลยให้การรับสารภาพก็ตาม แต่พยานปากนี้คงเบิกความยืนยันแต่เพียงว่าพยานเป็นผู้จับกุมจำเลยและจำเลยให้การรับสารภาพฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเท่านั้นไม่ปรากฏข้อเท็จจริงใด ๆ ที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีพฤติการณ์ในการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลางแต่อย่างใด แม้เมทแอมเฟตามีนของกลางจะมีจำนวนถึง 199 เม็ดก็หาใช่ข้อสันนิษฐานว่าจำเลยจะต้องมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเสมอไป ซึ่งจำเลยก็ได้ให้การปฏิเสธข้อหานี้ในชั้นสอบสวน ส่วนที่จำเลยให้การในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนรับว่า นายส่วนเป็นผู้ใช้ให้จำเลยไปซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลาง ก็ฟังได้เพียงว่าจำเลยซื้อและครอบครองเมทแอมเฟตามีนของกลางแทนนายส่วนเท่านั้นส่วนที่โจทก์ฎีกาอ้างว่าจำเลยจะต้องนำไปมอบให้นายส่วนภายหลังก็เป็นการส่งมอบระหว่างผู้กระทำผิดด้วยกันเอง หาใช่การให้อันจะถือว่าเป็นการจำหน่ายตามที่มาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 บัญญัติไว้แต่อย่างใดไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

( สุรพล เจียมจูไร - มงคล ทับเที่ยง - วิศณุ เลื่อมสำราญ )

 

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4776/2545

 

 

http://www.deka2007.supremecourt.or.th/deka/web/docdetail.jsp

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น * วันที่ตอบ 2009-07-21 11:37:50


ความคิดเห็นที่ 4 (1966477)

แล้วถ้าโดนข้อหาเสพแล้วจำหน่ายอ่ะค่ะจะมีสิทธิที่จะได้ไปบำบัดแทนรึป่าวอีกอย่างยังเรียนอยุ่ด้วยอ่ะค่ะและ

เปนความผิดครั้งแรกด้วยค่ะ (รับสารภาพ)

ผู้แสดงความคิดเห็น นู๋ร้อนใจ วันที่ตอบ 2009-07-22 18:14:05



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล