ReadyPlanet.com


ขอถามเกี่ยวกับการขับขี่รถจักรยานยนต์


ถ้าไม่ได้พกสำเนาคู่มือรถเวลาขับขี่ เป็นความผิดหรือเปล่า แล้วมีบทลงโทษ อย่างไร มันเป็นคดีร้ายแรงถึงขนาดต้องสั่งปรับให้ได้หรือเปล่า เป็นรถชาวบ้านธรรมดาไม่เคยมีประวัติเสียหายอะไร  ช่วยไขข้อข้องใจหน่อยนะครับ ตอนนี้ที่จังหวัดโดนข้อหานี้ทั้งนั้น และไม่เคยมีการรณรงค์ให้พกพา มีแต่ป้ายเตือนให้เปิดไฟใส่หมวก พกใบขับขี่และทำพรบ.



ผู้ตั้งกระทู้ ชาวจ.ชย. :: วันที่ลงประกาศ 2009-08-26 11:37:42


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1977690)

“พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522”

มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้

“รถ” หมายความว่า รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถพ่วง รถบดถนน รถแทรกเตอร์ และรถอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

“รถยนต์” หมายความว่า รถยนต์สาธารณะ รถยนต์บริการ และรถยนต์ส่วนบุคคล

...

 

มาตรา 42 ผู้ขับรถต้องได้รับใบอนุญาตขับรถและต้องมีใบอนุญาตขับรถและสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถในขณะขับหรือควบคุมผู้ฝึกหัดขับรถเพื่อแสดงต่อเจ้าพนักงานได้ทันที เว้นแต่ผู้ฝึกหัดขับรถยนต์ตามมาตรา 57

ในกรณีที่ผู้ขับรถเป็นคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ผู้ขับรถซึ่งเป็นคนต่างด้าวนั้นจะใช้ใบอนุญาตขับรถตามมาตรา 42 ทวิ ขับรถในราชอาณาจักรก็ได้ และในกรณีนี้จะต้องมีใบอนุญาตขับรถดังกล่าวพร้อมด้วยเอกสารตามที่ระบุไว้ในอนุสัญญาและหรือความตกลงที่มีอยู่ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลของประเทศนั้นๆ เพื่อแสดงต่อเจ้าพนักงานได้ทันที

 

มาตรา 66 ผู้ใดขับรถโดยไม่แสดงใบอนุญาตขับรถ และสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถตามมาตรา 42 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-08-26 18:05:20


ความคิดเห็นที่ 2 (1977691)

บทความที่เกี่ยวข้อง

เลขเสร็จ 413/2523

เรื่อง

บันทึก เรื่อง การตีความหมายมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522

---------

เนื้อหา

กรมตำรวจได้มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ มท.0511/9857 ลงวันที่ 9 กันยายน 2523 ขอให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาตีความมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 โดยมีข้อเท็จจริงว่า เลขานุการรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงยุติธรรมได้มีหนังสือ ด่วนมาก ที่ ยธ.0100/14221 ลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2523 ขอหารืออธิบดีกรมการขนส่งทางบกเกี่ยวกับมาตรา 42 แห่ง พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 เนื่องจากเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้รับคำร้องเรียนจากเจ้าของรถโดยสารประจำทางและรถโดยสารขนาดเล็กที่วิ่งรับผู้โดยสารในเขตจังหวัดปัตตานีหลายสิบคันว่า ถูกตำรวจทางหลวงจังหวัดปัตตานีทำการจับกุมในข้อหาไม่แสดงภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถ และทำการเปรียบเทียบปรับรายละ 200 บาท ซึ่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเห็นว่า เรื่องนี้ตำรวจทางหลวงอาจเข้าใจผิดในข้อกฎหมายเพราะการที่มาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 บัญญัติให้ผู้ขับรถต้องมีสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถก็เพื่อจะป้องกันการโจรกรรมรถยนต์ที่บรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คน แต่ไม่รวมถึงรถที่อยู่ในความควบคุมของพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 จึงขอให้อธิบดีกรมการขนส่งทางบกชี้แจงให้ทราบกรมการขนส่งทางบกพิจารณาแล้วเห็นว่า พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 และพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ได้บัญญัติวิเคราะห์ศัพท์คำว่า "รถ" ไว้แตกต่างกัน "รถ"ตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 จึงไม่ใช่ "รถ" ตามความหมายของพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 และไม่อยู่ในข่ายความควบคุมของพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ด้วย ดังนั้น บทบัญญัติมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ที่กำหนดหน้าที่ของผู้ขับรถว่าจะต้องมีใบอนุญาตขับรถและสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถในขณะขับรถเพื่อแสดงต่อเจ้าพนักงาน จึงไม่อาจจะนำมาใช้แก่ผู้ขับรถตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ได้ แม้มาตรา 111 แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 จะบัญญัติให้นำบทบัญญัติทั้งหลายในกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ในส่วนที่เกี่ยวกับหน้าที่ของผู้ขับรถมาใช้บังคับโดยอนุโลมก็ตาม เพราะการที่จะนำบทบัญญัติในกฎหมายว่าด้วยรถยนต์มาใช้บังคับดังกล่าวนั้น จะต้องเป็นกรณีที่พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะ แต่ในกรณีที่เกี่ยวกับหน้าที่ของผู้ขับรถที่จะต้องแสดงใบอนุญาตนี้ มาตรา 101 แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้วกรมตำรวจไม่เห็นพ้องกับความเห็นของกรมการขนส่งทางบก เพราะมาตรา 111 แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ได้บัญญัติให้นำบทบัญญัติในกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ในส่วนที่เกี่ยวกับหน้าที่ของผู้ขับรถมาใช้บังคับโดยอนุโลม และไม่มีบทบัญญัติมาตราใดในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะให้ผู้ขับรถตามพระราชบัญญัติดังกล่าวจะต้องมีสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถในขณะขับหรือควบคุมผู้ฝึกหัดขับรถเพื่อแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ดังนั้น จึงต้องนำมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาใช้บังคับแก่ผู้ขับรถตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 โดยอนุโลมด้วย ตามความในมาตรา 111 แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 และหากผู้ขับรถคนใดไม่ปฏิบัติตามย่อมมีความผิดตามมาตรา 161 แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท นอกจากนี้เจตนารมณ์ของมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ที่กำหนดให้ผู้ขับรถต้องมีสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถติดตัวในขณะขับหรือควบคุมผู้ฝึกหัดขับก็เพื่อจะป้องกันการโจรกรรมรถยนต์เป็นสำคัญ การตีความว่าต้องนำมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาใช้บังคับแก่รถตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ด้วย จึงตรงตามเจตนารมณ์ที่จะป้องกันการโจรกรรมรถยนต์ทุกประเภทเพราะรถตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 เช่น รถบรรทุก ก็มีการโจรกรรมมากเช่นกัน กรมตำรวจจึงเห็นว่าผู้ขับรถตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522จะต้องมีสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถในขณะขับ หากผู้ใดฝ่าฝืนย่อมมีความผิดตามมาตรา 161 และเห็นว่าเป็นเรื่องการตีความกฎหมาย จึงขอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาตีความเพื่อให้ได้ข้อยุติเป็นแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องต่อไปคณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมาย คณะที่ 2) ได้พิจารณาปัญหาดังกล่าวและได้ฟังคำชี้แจงจากผู้แทนกระทรวงคมนาคม (กรมการขนส่งทางบก) และผู้แทนกระทรวงมหาดไทย (กรมตำรวจ) แล้ว มีความเห็นดังนี้

1. ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยมีว่า จะนำมาตรา 42*(1) แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ซึ่งบังคับให้ผู้ขับรถต้องมีสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถในขณะขับเพื่อแสดงต่อเจ้าพนักงานได้ทันที มาใช้บังคับแก่ผู้ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถซึ่งรวมถึงผู้ขับรถตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ได้หรือไม่ ทั้งนี้ โดยอาศัยบทบัญญัติจากพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 111*(2) ซึ่งบัญญัติว่า ให้นำบทบัญญัติทั้งหลายในกฎหมายว่าด้วยรถยนต์และกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกในส่วนที่เกี่ยวกับหน้าที่ของผู้ขับรถ ผู้เก็บค่าโดยสารและนายตรวจ มาใช้บังคับโดยอนุโลม นั้น คณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมาย คณะที่ 2) ได้พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า การนำบทบัญญัติทั้งหลายในกฎหมายว่าด้วยรถยนต์และกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก มาใช้บังคับแก่ผู้ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถซึ่งรวมถึงผู้ขับรถ ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกด้วยโดยอนุโลม ย่อมมีความหมายว่า ต้องนำมาใช้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก อีกทั้งจะต้องพิจารณาถึงสภาพของการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ขับรถตามกฎหมายดังกล่าวด้วย

------------------------------------------------------------

*(1) มาตรา 42 ผู้ขับรถต้องได้รับใบอนุญาตขับรถและต้องมีใบอนุญาตขับรถและสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถในขณะขับหรือควบคุมผู้ฝึกหัดขับรถเพื่อแสดงต่อเจ้าพนักงานได้ทันที เว้นแต่ผู้ฝึกหัดขับรถยนต์ตามมาตรา 57

*(2) มาตรา 111 ให้นำบทบัญญัติทั้งหลายในกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกในส่วนที่เกี่ยวกับหน้าที่ของผู้ขับรถ ผู้เก็บค่าโดยสารและนายตรวจมาใช้บังคับโดยอนุโลม

2. เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 กับมาตรา 101*(3) แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 แล้ว เห็นได้ว่าสาระสำคัญของทั้งสองมาตรา คือ การบังคับให้มีใบอนุญาตขับรถอยู่กับตัวเพื่อพร้อมที่จะให้เจ้าพนักงาน นายทะเบียนหรือตำรวจ ตรวจได้แล้วแต่กรณี แต่มาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ได้บัญญัติเพิ่มเติมให้ผู้ขับรถต้องมีสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถติดตัวพร้อมที่จะให้ตรวจอีกด้วย และเนื่องจากมาตรา 101 แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มิได้บัญญัติความทำนองดังกล่าวไว้ ฉะนั้น จึงต้องตีความว่า พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ไม่ประสงค์จะบังคับให้ผู้ขับรถต้องมีสำเนาภาพถ่ายหนังสือแสดงการจดทะเบียนรถติดตัวไว้ และดังที่ได้กล่าวไว้แล้วในตอนต้นว่า ความที่ว่า "มาใช้บังคับโดยอนุโลม" นั้น จะต้องนำมาใช้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก เมื่อมาตรา 101 แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 บัญญัติแต่เพียงให้มีใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่ผู้ประจำรถอยู่กับตัว จะตีความขยายออกไปว่าต้องมีสำเนาภาพถ่ายหนังสือแสดงการจดทะเบียนรถ ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 อีกด้วย ทั้ง ๆ ที่ตามมาตรา 101 แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ประสงค์แต่เพียงให้มีใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่ผู้ประจำรถอยู่กับตัวเท่านั้น ย่อมเป็นการแปลเจตนารมณ์เกินความประสงค์ที่บังคับไว้ในมาตรา 101 แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522

3. อนึ่ง สมควรกล่าวไว้ด้วยว่า การบังคับให้ผู้ขับรถตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ต้องมีสำเนาภาพถ่ายหนังสือแสดงการจดทะเบียนรถติดตัวด้วยนั้น อาจเป็นการบังคับที่ในทางปฏิบัติจะกระทำได้โดยยากหรืออาจไม่สะดวกแก่การปฏิบัติสำหรับผู้ขับรถบางประเภท เช่น รถโดยสารประจำทาง เพราะจากคำชี้แจงของผู้แทนกรมการขนส่งทางบกได้ความว่า การขับรถโดยสารประจำทางนั้น เท่าที่ปฏิบัติอยู่

-------------------------------------------------------------

*(3) มาตรา 101 ในขณะปฏิบัติหน้าที่ ผู้ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถต้องมีใบอนุญาตอยู่กับตัวและต้องแสดงต่อนายทะเบียนหรือผู้ตรวจการเมื่อขอตรวจในปัจจุบันไม่ได้กำหนดให้มีคนขับรถแต่ละคนขับรถประจำรถแต่ละคัน แต่ใช้วิธีหมุนเวียนเปลี่ยนเวรกันตามสภาพของการประกอบการขนส่งรถโดยสารประจำทางและจำนวนของผู้ขับรถที่แต่ละผู้ประกอบการมีอยู่ ฉะนั้น ถ้าบังคับให้ผู้ขับรถต้องมีสำเนาภาพถ่ายหนังสือแสดงการจดทะเบียนรถติดตัวไว้ให้ตรวจก็จะเป็นภาระยุ่งยากแก่ผู้ขับรถที่จะต้องขอเปลี่ยนสำเนาภาพถ่ายหนังสือแสดงการจดทะเบียนรถจากผู้ประกอบการขนส่งทุกวัน

สรุปแล้วการนำบทบัญญัติของกฎหมายใดมาใช้บังคับโดยอนุโลมนั้น นอกจากจะต้องไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติที่มีอยู่แล้ว ยังจะต้องคำนึงถึงผลที่เกิดจากการบังคับให้ต้องปฏิบัติอีกด้วยว่า สามารถปฏิบัติได้ตามสมควรแก่กรณีที่เป็นความจริงแก่การปฏิบัติหรือไม่โดยเหตุผลดังกล่าว คณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมาย คณะที่ 2) เห็นว่า ความที่ว่า "นำมาใช้บังคับโดยอนุโลม" นั้น ถ้าความที่นำมาบังคับใช้มีลักษณะเป็นการกำหนดหน้าที่และมีบทกำหนดโทษสำหรับผู้ไม่ปฏิบัติ จะต้องนำมาใช้ด้วยความระมัดระวังและต้องตีความในการนำมาใช้โดยเคร่งครัด ฉะนั้น จึงไม่อาจอนุโลมให้นำบทบัญญัติมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาใช้บังคับแก่ผู้ขับรถตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ได้

(ลงชื่อ) อมร จันทรสมบูรณ์

(นายอมร จันทรสมบูรณ์)

เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

ตุลาคม 2523

แหล่งที่มา--http://

www.lawreform.go.th/lawreform/images/th/jud/th/deca/2523/c2_0413_2523.htm

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น บทความ วันที่ตอบ 2009-08-26 18:09:41


ความคิดเห็นที่ 3 (1978628)

คำว่าบังคับใช้โดยอนุโลม คือ ถ้าไม่ได้เข้าข่ายว่าเป็นรถที่โจรกรรมมา ก็ไม่ถึงขนาดต้องโดนสั่งปรับหรือเปล่าครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ชาว จ. ชย. วันที่ตอบ 2009-08-29 10:47:05


ความคิดเห็นที่ 4 (1978638)

ความที่ว่า "มาใช้บังคับโดยอนุโลม" นั้น จะต้องนำมาใช้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก

การที่จะนำบทบัญญัติในกฎหมายว่าด้วยรถยนต์มาใช้บังคับดังกล่าวนั้น จะต้องเป็นกรณีที่พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะ

--------------------------

ตอบคำถาม  คำว่าบังคับใช้โดยอนุโลม คือ อนุโลมให้ใช้ได้หากกฎหมายนั้นๆ ไม่ได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-08-29 11:20:06



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล