ReadyPlanet.com


เงินฝากในธนาคาร


ดิฉันและสามี มีเงินฝากในธนาคารจำนวนหนึ่ง โดยฝากไว้ในชื่อของสามี เมื่อดิฉันและสามี ได้มีเรื่องทะเลาะกัน สามีไม่พอใจได้ถอนเงินทั้งหมดไปฝากไว้ที่ธนาคารอื่น อย่างนี้จะมีทางหนทางแก้ไขปัญหาอย่างไรได้บ้าง



ผู้ตั้งกระทู้ ดารณี :: วันที่ลงประกาศ 2009-11-16 00:27:28


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2006910)

คุณมีสิทธิฟ้องศาลขอให้สามีใส่ชื่อคุณในสมุดเงินฝากธนาคารได้ครับ

 

ร้องขอให้ลงชื่อตนเป็นเจ้าของรวมกันในเอกสารอันเกี่ยวกับสินสมรส

 

 

 
1. ในกรณีที่สามีภริยามีข้อตกลงเป็นสัญญาเกี่ยวกับทรัพย์สินในระหว่างสมรสให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่ผู้เดียวเป็นผู้จัดการสินสมรส และฝ่ายที่จัดการสินสมรสได้จัดการสินสมรสโดยมีพฤติการณ์ตามมาตรา 1484 แล้ว อีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิที่จะขอให้ศาลมีคำสั่งให้ตนเป็นผู้จัดการสินสมรสแทนหรือให้แยกสินสมรสก็ได้

-----มาตรา 1484 ถ้าสามีหรือภริยาฝ่ายซึ่งมีอำนาจจัดการสินสมรส
(1) จัดการสินสมรสเป็นที่เสียหายถึงขนาด
(2) ไม่อุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่ง
(3) มีหนี้สินล้นพ้นตัว หรือทำหนี้เกินกึ่งหนึ่งของสินสมรส
(4) ขัดขวางการจัดการสินสมรสของอีกฝ่ายหนึ่งโดยไม่มีเหตุผลอัน สมควร
(5) มีพฤติการณ์ปรากฏว่าจะทำความหายนะให้แก่สินสมรส


อีกฝ่ายหนึ่งอาจร้องขอให้ศาลสั่งอนุญาตให้ตนเป็นผู้จัดการสินสมรส แต่ผู้เดียว หรือสั่งให้แยกสินสมรสได้


ในกรณีตามวรรคหนึ่ง ถ้ามีคำขอ ศาลอาจกำหนดวิธีคุ้มครอง ชั่วคราวเพื่อจัดการสินสมรสได้ตามที่เห็นสมควร และหากเป็นกรณี ฉุกเฉินให้นำบทบัญญัติเรื่องคำขอในเหตุฉุกเฉินตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับ


2.  ในกรณีที่สินสมรสเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่การทำนิติกรรมต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นทรัพย์ที่ต้องมีเอกสารเป็นสำคัญ สามีหรือภริยา ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ไม่มีชื่อร่วมในเอกสาร มีสิทธิที่จะเรียกให้อีกฝ่ายหนึ่งให้ลงชื่อของตนเป็นเจ้าของรวมกันในเอกสารนั้นก็ได้ ตามมาตรา 1475


----มาตรา 1475 ถ้าสินสมรสใดเป็นจำพวกที่ระบุไว้ใน มาตรา 456 แห่งประมวลกฎหมายนี้ หรือที่มีเอกสารเป็นสำคัญ สามีหรือภริยา จะร้องขอให้ลงชื่อตนเป็นเจ้าของรวมกันในเอกสารนั้นก็ได้

 

 

 


คำพิพากษาศาลฎีกาที่  901/2536

 


โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายมีสินสมรสคือ เงินสดซึ่งฝากอยู่ที่ธนาคารนครหลวงไทย จำกัดสาขาลพบุรี จำนวน 5,600,000 บาทเศษ จำเลยได้ถอนเงินจำนวนดังกล่าวไปหมดสิ้นโดยไม่แจ้งให้ทราบ และนำไปฝากไว้ที่ธนาคารอื่น เมื่อโจทก์ทราบได้ขอให้จำเลยยอมให้โจทก์ลงชื่อร่วมในบัญชีเงินฝาก แต่จำเลยปฏิเสธทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเงินจำนวนดังกล่าวได้จึงเป็นการขัดขวางการจัดการสินสมรสของโจทก์โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรขอศาลมีคำสั่งให้แยกสินสมรสระหว่างโจทก์และจำเลย หากไม่สามารถกระทำดังกล่าวข้างต้นได้ ก็ขอให้ศาลมีคำสั่งให้โจทก์ลงชื่อร่วมในบัญชีเงินฝากร่วมกับจำเลย

          ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้ว มีคำสั่งว่า "พิเคราะห์แล้วเห็นว่าคำฟ้องของโจทก์ที่บรรยายมา ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำการอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1484 จึงให้ยกฟ้องโจทก์เสีย"

          โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ

          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องถือได้หรือไม่ว่า จำเลยกระทำการอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ศาลฎีกาเห็นว่าแม้ตามคำฟ้องของโจทก์ จะมิใช่กรณีที่โจทก์อาจร้องขอให้ศาลสั่งให้แยกสินสมรสได้ตามมาตรา 1484 เพราะจำเลยมิใช่เป็นผู้มีอำนาจจัดการสินสมรสฝ่ายเดียวก็ตาม แต่โจทก์ก็ขอให้ลงชื่อตนเป็นเจ้าของรวมในบัญชีเงินฝากเพื่อการเบิกถอนเงินด้วย เงินฝากในธนาคารเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นสินสมรสจำพวกที่มีเอกสารเป็นสำคัญซึ่งตามมาตรา 1475ให้สิทธิแก่โจทก์ที่จะร้องขอให้ลงชื่อตนเป็นเจ้าของรวมกันในเอกสารนั้นได้ เมื่อจำเลยไม่ยินยอม กรณีจึงถือได้ว่ามีข้อโต้แย้งสิทธิของโจทก์เกิดขึ้นแล้ว ชอบที่ศาลชั้นต้นจะรับฟ้องโจทก์ไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป

          พิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องโจทก์ไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป

 

 

( สุวรรณ ตระการพันธุ์ - ไมตรี กลั่นนุรักษ์ - สุรินทร์ นาควิเชียร )

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-11-16 00:45:39



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล