ReadyPlanet.com


มียาบ้าไวครอบครองเพื่อจำหน่าย1572เม็ดจะมีโทษอย่างไรค่ะ


 

 มียาบ้าไว้ครอบครอง1572เม็ดเจมีโทษอย่างไรค่ะ

 



ผู้ตั้งกระทู้ Art :: วันที่ลงประกาศ 2020-02-22 00:44:15


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (4361690)

นาจะเทียบเคียงได้กับคำพิพากษานี้นะครับ 

 

ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษ 1,200 เม็ด

จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1,200 เม็ด ของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำเลยที่ 1 จำหน่ายของกลางจำนวนดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 8 จำเลยทั้งแปดให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 จำคุกคนละ 18 ปี ให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ คงจำคุกคนละ 12 ปี ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 8
 
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าในทางนำสืบของโจทก์ยังไม่พอที่จะแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 8 การครอบครองเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 1,200 เม็ด จึงยังอยู่กับจำเลยที่ 1 ผู้ฎีกาย่อมไม่อาจมีความผิดตามฟ้องโจทก์ได้ มีผลถึงจำเลยที่ 5 ถึงที่ 7 ผู้มิได้ฎีกาด้วย แต่สำหรับจำเลยที่ 6 ยังคงมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 1 ปี
 
  คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5813/2549 (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมคลิํก)
 
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 8 จากนั้นได้บรรยายความผิดของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 8 ว่าร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนจำนวนเดียวกันนั้นไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ทำให้เข้าใจได้ว่าความผิดของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 8 เกิดเพราะมีการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลางจากจำเลยที่ 1 ให้แก่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 8 แล้ว แต่ในทางนำสืบของโจทก์ยังไม่พอที่จะแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 8 และศาลชั้นต้นเพียงพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ยกฟ้องข้อหาอื่น ซึ่งมีความหมายว่า ยกฟ้องข้อหาจำหน่าย เมื่อโจทก์และจำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์ในข้อหานี้ และศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ย่อมฟังเป็นยุติ แสดงว่ายังไม่อาจรับฟังว่าจำเลยที่ 1 ได้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่จำเลยอื่นแล้วตามฟ้องโจทก์ การครอบครองเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวจึงยังอยู่กับจำเลยที่ 1 จำเลยอื่นจึงไม่อาจมีความผิดตามฟ้องโจทก์ และข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีจึงมีผลถึงจำเลยที่ 5 ถึงที่ 7 ผู้มิได้ฎีกาด้วย
 
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งแปดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 ริบของกลางและบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2873/2541 ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้
 
จำเลยทั้งแปดให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 1 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์อ้างเป็นเหตุขอให้บวกโทษ
 
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (เดิม) จำคุกคนละ 18 ปี จำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ เห็นสมควรลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 12 ปี สำหรับจำเลยที่ 1 ยังมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง จำคุก 1 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 13 ปี นำโทษจำคุก 6 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2873/2541 ของศาลชั้นต้นบวกเข้ากับโทษของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ รวมจำคุก 13 ปี 6 เดือน ริบของกลาง ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 8 ข้อหาอื่นและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความลีนนท์ 085-9604258 วันที่ตอบ 2020-02-22 12:37:51



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล