(สัญญาเช่าซื้อรถยนต์) โอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อ -ปรึกษากฎหมาย นายลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ โทร.085-9604258 -ปรึกษากฎหมายผ่านทางไลน์ ไอดีไลน์ (1) @leenont (2) @peesirilaw (3) 0859604258 เพิ่มด้วยหมายเลขโทรศัพท์ -Line Official Account : เพิ่มเพื่อน QR CODE
สัญญาเช่าซื้อก็เป็นอันเลิกกันนับแต่วันที่ส่งมอบรถยนต์คันที่เช่าซื้อคืน เมื่อผู้เช่าซื้อเดิมได้ชำระค่าธรรมเนียมในการโอนสิทธิให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อแล้ว พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่า ผู้เช่าซื้อเดิม ได้ส่งมอบรถยนต์คันที่เช่าซื้อคืนแก่ผู้ให้เช่าซื้อแล้ว มิฉะนั้นโจทก์คงจะไม่ยินยอมให้มีการตกลงโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อ และทำหลักฐานรับมอบรถยนต์ให้แก่ผู้เช่าซื้อรายใหม่ไป ผู้เช่าซื้อเดิมได้ส่งมอบรถยนต์คันที่เช่าซื้อคืนแก่ผู้ให้เช่าซื้อ ถือได้ว่า ผู้เช่าซื้อเดิม ได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแล้ว โดยไม่ต้องคำนึงว่าหนังสือโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อและสัญญาเช่าซื้อระหว่าง ผู้เช่าซื้อรายใหม่ กับ ผู้ให้เช่าซื้อ จะได้ทำถูกต้องตามแบบที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ สัญญาเช่าซื้อก็เป็นอันเลิกกันนับแต่วันที่ส่งมอบรถยนต์คันที่เช่าซื้อคืน ผู้ให้เช่าซื้อจึงไม่มีอำนาจฟ้องให้ ผู้เช่าซื้อเดิมและผู้ค้ำประกัน รับผิดตามสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกัน โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถยนต์คันที่เช่าซื้อคืนโจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นเงิน 445,115 บาท และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์ให้โจทก์เป็นเงิน 133,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ กับค่าเสียหายต่อไปอีกเดือนละ 7,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะส่งมอบรถยนต์คืนหรือใช้ราคา จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์กับจำเลยทั้งสองตกลงยกเลิกสัญญาเช่าซื้อโดยเปลี่ยนตัวผู้เช่าซื้อจากจำเลยที่ 1 เป็นนางยุพา และผู้ค้ำประกันจากจำเลยที่ 2 เป็นนายกะแมน และจำเลยที่ 1 ได้ส่งมอบรถยนต์คันที่เช่าซื้อให้แก่นางยุพาไปแล้ว จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยทั้งสองโดยกำหนดค่าทนายความให้ 5,000 บาท ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยทั้งสองต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันหรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าหลังจากจำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อกับโจทก์ จำเลยที่ 1 ได้ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์เรื่อยมาโดยไม่มีการผิดนัดจนถึงงวดที่ 5 ประจำวันที่ 16 พฤษภาคม 2540 แล้วต่อมาวันที่ 19 พฤษภาคม 2540 ซึ่งเป็นวันที่ยังไม่ครบกำหนดชำระค่าเช่าซื้อในงวดถัดไป จำเลยที่ 1 ได้ติดต่อกับนางสาวพรพิมลพนักงานของโจทก์ ณ ที่ทำการของโจทก์ว่าจะเปลี่ยนสัญญาเช่าซื้อใหม่โดยให้นางยุพา เป็นผู้เช่าซื้อและให้นายกะแมน เป็นผู้ค้ำประกันแทนจำเลยทั้งสอง นางสาวพรพิมลจึงให้จำเลยที่ 1 และนางยุพาซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อเดิมและผู้เช่าซื้อใหม่ลงลายมือชื่อในแบบพิมพ์หนังสือโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อของโจทก์ ให้นางยุพาลงลายมือชื่อเป็นผู้เช่าซื้อในสัญญาเช่าซื้อโดยไม่มีการกรอกข้อความและลงลายมือชื่อรับมอบรถยนต์ในหนังสือหลักฐานการรับมอบรถยนต์ที่ทำขึ้นโดยบริษัทโจทก์ โดยนางสาวพรพิมลพนักงานของโจทก์ข้างต้นลงลายมือชื่อในฐานะเป็นฝ่ายโอนสิทธิและผู้ส่งมอบ ซึ่งปรากฏรายละเอียดตามหลักฐานการรับมอบรถยนต์ว่ามีการตรวจสอบความถูกต้องในการจัดทำเอกสารจากพนักงานฝ่ายอื่นของโจทก์อีกด้วย ทั้งในวันดังกล่าวจำเลยที่ 1 ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการโอนสิทธิให้แก่โจทก์รับไปถูกต้องตามประเพณีปฏิบัติในการโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อของโจทก์แล้ว อันถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ปฏิบัติถูกต้องตามสัญญาเช่าซื้อ พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ส่งมอบรถยนต์คันที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์แล้วในวันดังกล่าว มิฉะนั้นโจทก์คงจะไม่ยินยอมให้มีการตกลงโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อกันดังกล่าว และทำหลักฐานรับมอบรถยนต์ให้แก่นางยุพาไป ฉะนั้นการที่จำเลยที่ 1 ผู้เช่าซื้อได้ส่งมอบรถยนต์คันที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์ผู้ให้เช่าซื้อ ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแก่โจทก์แล้ว โดยไม่ต้องคำนึงว่าหนังสือโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อและสัญญาเช่าซื้อระหว่างนางยุพากับโจทก์จะได้ทำถูกต้องตามแบบที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ สัญญาเช่าซื้อระหว่างจำเลยที่ 1 กับโจทก์ก็เป็นอันเลิกกันตาม ป.พ.พ. มาตรา 573 นับแต่วันที่จำเลยที่ 1 ส่งมอบรถยนต์คันที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกัน พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.
|