ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษ เมทแอมเฟตามีน 75 เม็ด

 ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เมทแอมเฟตามีน 75 เม็ด

ทางนำสืบของโจทก์จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีพฤติการณ์จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 75 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ทั้งเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวมีน้ำหนักเพียง 6.69 กรัม ไม่เข้าข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะจำเลยกระทำความผิดและเป็นคุณแก่จำเลยมากกว่ากฎหมายที่แก้ไขใหม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายดังที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษา จำเลยจึงมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองจำนวน 75 เม็ด จำเลยมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 ปี

  คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7471/2551

ในความผิดฐานตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตนั้นแม้โจทก์มิได้ระบุมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 ไว้ในคำขอท้ายฟ้อง แต่โจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องและได้ระบุมาตรา 23 อันเป็นบทกำหนดโทษของมาตรา 11 ไว้ในคำขอท้ายฟ้องแล้ว คำฟ้องของโจทก์ในความผิดฐานนี้จึงชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (6) เมื่อคำว่า “สถานีวิทยุคมนาคม” ตามมาตรา 4 หมายความว่า ที่ส่งวิทยุคมนาคม ที่รับวิทยุคมนาคม หรือที่ส่งและรับวิทยุคมนาคม และคำว่า “วิทยุคมนาคม” หมายความว่า การส่งหรือการรับเครื่องหมาย สัญญาณ ตัวหนังสือ ภาพ และเสียงหรือการอื่นใดซึ่งสามารถเข้าใจความหมายได้ด้วยคลื่นแฮรตเซียน เมื่อเครื่องวิทยุคมนาคมที่จำเลยติดตั้งไว้สามารถรับฟังข้อความจากผู้ใช้วิทยุสื่อสารได้ การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดตามมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 แล้ว การต้องใช้คลื่นความถี่เท่าใด เป็นข้อกำหนดสำหรับผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ตั้งสถานีวิทยุคมนาคมในการใช้คลื่นความถี่ให้ถูกต้อง หาจำต้องเป็นการตั้งสถานีเครื่องรับส่งในระยะความถี่ไม่น้อยกว่า 25 วัตต์ หรือมีขีดความสามารถรับส่งได้ในระยะทางไม่น้อยกว่า 25 กิโลเมตร หรือต้องเป็นการติดต่อหรือประกาศแจ้งออกไปสู่บุคคล องค์กร หรือต่อประชาชนในการประกาศข่าวสาร ส่ง หรือรับข่าวสารข้อความใด ๆ ได้ชัดเจนไม่

การที่จำเลยสั่งให้นาย ต. นำเมทแอมเฟตามีน 40 เม็ด ไปมอบให้นาง ม. และนาย ต. ยอมทำตามคำสั่งของจำเลย ความสัมพันธ์ระหว่างจำเลยกับนาย ต. มีลักษณะเป็นตัวการตัวแทน จึงเป็นการส่งมอบระหว่างผู้กระทำผิดด้วยกันเอง หาใช่เป็นการให้อันจะถือว่าเป็นการจำหน่ายตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4 ไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 102 พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 3, 10 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 7, 69, 74, 74 ทวิ พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 มาตรา 4, 6, 22, 23 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91 ริบของกลางทั้งหมดยกเว้นอาวุธปืนของกลาง สำหรับเครื่องรับส่งวิทยุคมนาคมและส่วนใดๆ แห่งเครื่องวิทยุคมนาคมของกลางขอริบไว้ใช้ในราชการกรมไปรษณีย์โทรเลข

จำเลยให้การรับสารภาพในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต มีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตมีไม้สักซึ่งเป็นไม้หวงประเภท ก. ไว้ในครอบครองโดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขาย ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (ใหม่), 102 พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 10 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 69 วรรคสอง (1) พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง, 11 วรรคหนึ่ง, 23 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำคุก 15 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำคุก 15 ปี ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจำคุก 6 เดือน ฐานมีไม้สักซึ่งเป็นไม้หวงห้ามไว้ในครอบครอง จำคุก 1 ปี ฐานมีเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตปรับ 4,000 บาท ฐานใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตปรับ 4,000 บาท ฐานตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตปรับ 6,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ฐานมีไม้สักซึ่งเป็นไม้หวงห้ามไว้ในครอบครอง ฐานมีเครื่องวิทยุคมนาคมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ฐานใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาต เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงลงโทษฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 3 เดือน ฐานมีไม้สักซึ่งเป็นไม้หวงห้ามไว้ในครอบครอง จำคุก 6 เดือน ฐานมีเครื่องวิทยุคมนาคมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตปรับ 2,000 บาท ฐานใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตปรับ 2,000 บาท รวมจำคุก 30 ปี 9 เดือนและปรับ 10,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบเมทแอมเฟตามีน ไม้สัก กล่องพลาสติกสำหรับบรรจุพระเครื่องกระดาษขาวมีคราบเมทแอมเฟตามีน ผ้าเทปพันสายไฟ รถยนต์บรรทุกสิบล้อยี่ห้อฮีโน หมายเลขทะเบียน 80 - 8986 พิษณุโลก ของกลาง ส่วนเครื่องรับส่งวิทยุคมนาคมและส่วนใดๆ แห่งเครื่องวิทยุคมนาคมให้ริบไว้ใช้ในราชการกรมไปรษณีย์โทรเลข สำหรับอุปกรณ์การเสพเมทแอมเฟตามีนให้คืนแก่เจ้าของ

   จำเลยอุทธรณ์

   ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 5 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 5 ปีความผิดตามพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทแต่ละบทมีโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเพียงบทเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ปรับ6,000 บาท เมื่อรวมกับโทษจำคุกในความผิดฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและฐานมีไม้สักอันเป็นไม้หวงห้ามไว้ในครอบครองตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว เป็นจำคุก 10 ปี 9 เดือน และปรับ 6,000 บาท ข้อหาตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2534 ให้ยก กับให้คืนอาวุธปืนของกลางแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

     จำเลยฎีกา

  ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในปัญหาว่า จำเลยกระทำความผิดฐานตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตหรือไม่ ปัญหานี้ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้นำเครื่องวิทยุคมนาคมที่ใช้ติดตั้งในยานพาหนะซึ่งใช้การได้ไปติดตั้งไว้ภายในบ้านโดยเปิดสัญญาณไว้สำหรับฟังข้อความจากผู้ใช้วิทยุสื่อสาร แม้จำเลยจะเป็นอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนของอำเภอบางระกำ แต่จำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตให้ตั้งสถานีวิทยุคมนาคมและไม่ได้รับยกเว้นใดๆ ตามกฎหมาย เห็นว่า แม้โจทก์จะไม่ได้ระบุมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 ไว้ในคำขอท้ายคำฟ้องแต่โจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องและได้ระบุมาตรา 23 อันเป็นบทกำหนดโทษของมาตรา 11 ไว้ในคำขอท้ายคำฟ้องแล้ว คำฟ้องของโจทก์ในความผิดฐานนี้จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (6) พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคมพ.ศ.2498 มาตรา 11 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้ใดตั้งสถานีวิทยุคมนาคมเว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต และบทนิยามในมาตรา 4 ให้ความหมายคำว่า “สถานีวิทยุคมนาคม” หมายความว่า ที่ส่งวิทยุคมนาคม ที่รับวิทยุคมนาคม หรือที่ส่งและรับวิทยุคมนาคม และคำว่า “วิทยุคมนาคม” หมายความว่า การส่งหรือการรับเครื่องหมาย สัญญาณ ตัวหนังสือ ภาพ และเสียงหรือการอื่นใดซึ่งสามารถเข้าใจความหมายได้ด้วยคลื่นแฮรตเซียน ดังนี้ เมื่อปรากฏว่าเครื่องวิทยุคมนาคมที่จำเลยติดตั้งไว้สามารถรับฟังข้อความจากผู้ใช้วิทยุสื่อสารได้ การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดตามมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 แล้ว การต้องใช้คลื่นความถี่เท่าใดเป็นข้อกำหนดสำหรับผู้ที่ได้รับใบอนุญาตให้ตั้งสถานที่วิทยุคมนาคมในการใช้คลื่นความถี่ให้ถูกต้อง หาจำต้องเป็นการตั้งสถานีเครื่องรับส่งในระยะความถี่ไม่น้อยกว่า 25 วัตต์ มีขีดความสามารถรับส่งได้ในระยะทางไม่น้อยกว่า 25 กิโลเมตร หรือต้องเป็นการติดต่อหรือประกาศแจ้งออกไปสู่บุคคล องค์กร หรือต่อประชาชนในการประกาศข่าวสาร ส่งหรือรับข่าวสารข้อความใดๆ ได้ชัดเจนดังที่จำเลยฎีกาไม่ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น

ในปัญหาว่า จำเลยกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนหรือไม่ ที่จำเลยฎีกาว่า พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนนั้น เห็นว่า ทางนำสืบของจำเลยเจือสมพยานโจทก์ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นรถยนต์บรรทุกสิบล้อของจำเลยพบเมทแอมเฟตามีน 35 เม็ด ที่บริเวณเบาะรถภายในหัวเก๋งของรถยนต์บรรทุกสิบล้อจริงดังที่โจทก์นำสืบ ไม่ปรากฏว่าร้อยตำรวจเอกนภัทร สิบตำรวจตรีวิษณุราช และนายตล่อมเคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงไม่มีเหตุให้ระแวงสงสัยว่าจะเบิกความปรักปรำจำเลย ที่จำเลยเบิกความอ้างว่าเจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นรถยนต์บรรทุกสิบล้อโดยไม่ได้ให้จำเลยตรวจร่างกายเจ้าพนักงานตำรวจก่อนนั้น สิบตำรวจตรีวิษณุราชเบิกความว่า ก่อนพยานจะขึ้นไปบนรถ ได้แสดงความบริสุทธิ์ให้จำเลยดูว่าไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย ขณะตรวจค้นก็ได้เปิดประตูรถด้านซ้ายให้จำเลยเห็นการตรวจค้น ที่จำเลยฎีกาอ้างว่าจำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจกลั่นแกล้งจึงฟังไม่ขึ้น ที่จำเลยฎีกาว่า คำเบิกความของนายตล่อมเป็นคำซัดทอดของผู้กระทำผิดด้วยกัน รับฟังลงโทษจำเลยไม่ได้นั้น ปรากฏว่านายตล่อมเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงที่ให้การไว้ในชั้นจับกุมตามบันทึกการจับกุม และคำให้การในฐานะพยานในชั้นสอบสวน โดยไม่ปรากฏว่ามีเหตุจูงใจให้ตนพ้นผิดหรือได้รับประโยชน์จากการยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าวแต่อย่างใด เนื่องจากนายตล่อมยังคงถูกดำเนินคดีเป็นอีกคดีหนึ่งอยู่นั่นเอง คำเบิกความของนายตล่อมจึงรับฟังได้ว่า เมทแอมเฟตามีน 40 เม็ด ก่อนที่จำเลยจะให้นายตล่อมไป กับที่พบที่รถบรรทุกของกลาง 35 เม็ด นั้น จำเลยมีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและรับฟังได้ต่อไปว่า จำเลยได้มอบเมทแอมเฟตามีนจำนวน 40 เม็ด ให้นายตล่อมเพื่อให้นำไปมอบให้แก่นางมะลิดังที่โจทก์นำสืบจริง แต่การที่จำเลยมอบเมทแอมเฟตามีนจำนวน 40 เม็ด ให้นายตล่อมโดยสั่งให้นำไปมอบให้แก่นางมะลิภรรยาอีกคนหนึ่งของจำเลยดังกล่าวนั้น และนายตล่อมยอมทำตามคำสั่งของจำเลย ความสัมพันธ์ระหว่างจำเลยกับนายตล่อม จึงมีลักษณะเป็นตัวการตัวแทนเป็นการส่งมอบระหว่างผู้กระทำผิดด้วยกันเอง หาใช่เป็นการให้อันจะถือว่าเป็นการจำหน่ายตามที่พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4 บัญญัติไว้ไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษา ส่วนเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองนั้นมีไว้เพื่อจำหน่ายหรือไม่ เห็นว่า ร้อยตำรวจเอกนภัทรเบิกความว่า พยานไม่รู้จักจำเลยมาก่อน แฟ้มประวัติของผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษก็ไม่มีรายชื่อของจำเลย เหตุที่ไปตรวจค้นบ้านจำเลยเนื่องจากขยายผลจากการจับกุมนายตล่อม นายตล่อมเบิกความว่า รู้จักจำเลยก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 เดือน แต่ไม่ทราบว่าจำเลยจะมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่ แม้สิบตำรวจตรีวิษณุราชจะเบิกความว่า พยานได้รับแจ้งจากชาวบ้านและสายลับว่าจำเลยลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน แต่พยานก็เบิกความต่อไปว่าไม่เคยให้สายลับเข้าไปล่อซื้อ ไม่มีการขอหมายค้นจากศาลเพื่อตรวจค้นบ้านจำเลย ส่วนที่นายตล่อมเบิกความว่าจำเลยฝากกล่องที่บรรจุเมทแอมเฟตามีนไปให้นางมะลิ ภรรยาอีกคนหนึ่งของจำเลยก็ไม่เป็นที่แน่ชัดว่านำไปให้ด้วยสาเหตุใด ดังนี้ ทางนำสืบของโจทก์จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีพฤติการณ์จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 75 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ทั้งเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวมีน้ำหนักเพียง 6.69 กรัม ไม่เข้าข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะจำเลยกระทำความผิดและเป็นคุณแก่จำเลยมากกว่ากฎหมายที่แก้ไขใหม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายดังที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษา จำเลยจึงมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองจำนวน 75 เม็ด โดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน?

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 67 (ใหม่) จำคุก 4 ปี เมื่อรวมกับโทษในความผิดอื่นตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 เป็นจำคุก 4 ปี 9 เดือน และปรับ 6,000 บาท ข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและข้อหาจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้ยก นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6.

พยานหลักฐาน  คำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำความผิด 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12569/2555

 การวินิจฉัยพยานหลักฐานซึ่งถือว่าเป็นคำซัดทอดระหว่างผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 227/1 ต้องรับฟังด้วยความระมัดระวัง และไม่ควรเชื่อพยานหลักฐานนี้โดยลำพังเพื่อลงโทษจำเลย เว้นแต่จะมีเหตุผลอันหนักแน่น มีพฤติการณ์พิเศษแห่งคดี หรือมีพยานหลักฐานประกอบอื่นมาสนับสนุน เมื่อปรากฏว่าพยานโจทก์มีประวัติความประพฤติในทางลักทรัพย์และเบิกความไม่อยู่กับร่องกับรอย จึงเป็นคำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำความผิดที่ถือว่าไม่มีน้ำหนักอันหนักแน่นหรือมีพฤติการณ์พิเศษแห่งคดีอันควรแก่การเชื่อถือ ไม่พอรับฟังลงโทษจำเลยได้

มาตรา 227/1  ในการวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานบอกเล่า พยานซัดทอด พยานที่จำเลยไม่มีโอกาสถามค้าน หรือพยานหลักฐานที่มีข้อบกพร่องประการอื่นอันอาจกระทบถึงความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานนั้น ศาลจะต้องกระทำด้วยความระมัดระวัง และไม่ควรเชื่อพยานหลักฐานนั้นโดยลำพังเพื่อลงโทษจำเลย เว้นแต่จะมีเหตุผลอันหนักแน่น มีพฤติการณ์พิเศษแห่งคดี หรือมีพยานหลักฐานประกอบอื่นมาสนับสนุน
พยานหลักฐานประกอบตามวรรคหนึ่ง หมายถึง พยานหลักฐานอื่นที่รับฟังได้ และมีแหล่งที่มาเป็นอิสระต่างหากจากพยานหลักฐานที่ต้องการพยานหลักฐานประกอบนั้น ทั้งจะต้องมีคุณค่าเชิงพิสูจน์ที่สามารถสนับสนุนให้พยานหลักฐานอื่นที่ไปประกอบมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นด้วย




คดียาเสพติดให้โทษ

คำว่า จำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ
ครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย | ผิดกรรมเดียว
รับฝากยาบ้า 4.013 เม็ด ถูกจำคุก 22 ปี
ริบทรัพย์สินเกี่ยวกับยาเสพติด
ครอบครองยาบ้า 584 เม็ด รับสารภาพจำคุก 25 ปี
ยาเสพติดให้โทษ 600 เม็ด จำคุก 20 ปี
ครอบครองเพื่อจำหน่าย ยาเสพติดให้โทษ 750 เม็ด โทษ 20 ปี
ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษ 778 เม็ด จำคุก 25 ปี article
ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษ 1,200 เม็ด จำคุก 18 ปี
ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษ 2,374 เม็ด
ครอบครองเพื่อจำหน่าย ยาบ้า (เมทแอมเฟตามีน) 3,017 เม็ด
เมทแอมเฟตามีน 5,290 เม็ด จำคุก 20 ปี
ยาเสพติดให้โทษ ยาบ้า 12,000 เม็ด จำคุก 33 ปี 9 เดือน
ให้บัญชีธนาคารคนอื่นใช้โอนเงินค่ายาเสพติดโทษเท่ากันกับตัวการ
ขอลดโทษคดียาเสพติดตามมาตรา 100/2
การกำหนดโทษใหม่ตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง
พยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อยยกประโยชน์ แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย
ยาบ้า 279 เม็ด โทษจำคุก 7 ปี ครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย
ข้อมูลเป็นประโยชน์ตามมาตรา 100/2
ครอบครองเพื่อจำหน่าย ยาบ้า 27 เม็ด
การสมคบกันเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
ยาเสพติดให้โทษ ยาบ้า เมทแอมเฟตามีน 4,000 เม็ด
ยาบ้า ยาเสพติดให้โทษ นำเข้า 22 เม็ด
นำยาเสพติดเข้าในราชอาณาจักรโทษประหาร
การยื่นฎีกาเกี่ยวกับคดียาเสพติด
ผู้ใหญ่บ้านถูกจับยาบ้ามีโทษจำคุก 3 เท่า
ธนบัตรที่นำไปล่อซื้อยาเสพติดไม่ใช่สาระสำคัญถึงกับมีข้อสงสัยยกฟ้อง