ReadyPlanet.com


ขอปรึกษาคดีลักทรัพย์นายจ้างครับ


 เรื่องมันเกิดขึ้นตอนมกราคม 2559 ครับ คือผมทำงานรับเหมาติดตั้งระบบไฟฟ้า ได้งานกับผู้รับเหมารายหนึ่ง เริ่มทำงานกันมาระยะหนึ่งจนถึงขั้นตอนสุดท้ายก่อนงานเสร็จคือ ติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆเช่น สวิทช์ปลั๊ก โคมไฟและตู้โหลด ถ้าเสร็จแล้วผมจะได้รับค่าแรงส่วนที่เหลืออีก 6000 บาท ซึ่งทางผู้รับเหมาก็รับทราบแล้วว่า วันที่งานเสร็จจะต้องนำเงินส่วนที่เหลือมาจ่ายให้และยังบอกให้ผมเตรียมเอกสารไว้ตอนรับเงิน เงินจำนวนนี้ผมต้องนำไปจ่ายค่าเทอมลูก 

          เรื่องมันเกิดในวันที่งานเสร็จครับ ในวันนั้นผมจะต้องมาติดตั้งโคมดาวไลท์  ติดตั้งโคมนีออนแบบที่มีขาห้อยลงมาจากเพดาน 1 เมตร จำ๊ต่อสายเมนไฟและลองเปิดไฟทั้งหมดเป็นอันเสร็จ พอมาทำงานตอนเช้าปรากฎว่า อุปกรณ์ต่างๆ จำพวก สายไฟและอื่นๆที่เก็บไว้ในห้อง ทางผู้รับเหมาได้นำกลับใส่รถไปหมด เหลือไว้แต่โคมไฟที่จะต้องติดตั้ง. ผมจึงได้โทรถามเพราะโคมนีออนที่มีขาห้อยมันจะต้องใช้สายไฟมาต่ออีก ทางผู้รับเหมาก็ไม่นำสายไฟมาส่งให้ผมแถมยังบอกอีกว่า ไม่มีสายไฟยังไม่ต้องติดหลอด  ผมคิดในใจว่า ยังไม่ต้องติดหลอดไฟแล้วงานผมจะเสร็จได้งัย งานไม่เสร็จก็ไม่ได้ตัง เพราะอีกวันผมต้องนำเงินไปจ่ายค่าเทอมให้ลูก ผมจึงต้องทำทุกทางที่จะให้งานเสร็จในวันนั้น เหตุการณ์ในวันนั้นทางเจ้าของบ้านก็รับทราบเพราะผมได้คุยกับเจ้าของบ้านถึงเรื่องการเบิกจ่ายเงิน ว่าผมมีความจำเป็นต้องใช้เงินในวันพรุ่งนี้ ถ้าทางผู้รับเหมายังไม่มีให้ผมขอเบิกเอาที่เจ้าของบ้านเลยได้ไหม เขาบอกถ้ามีความจำเป็นก็โอเค อีกอย่างงานก็เสร็จแล้วไม่มีปัญหา

            หลังจากคุยกันแล้วผมจึงลงมือทำงานต่อจนเวลาประมาณ13.30 น.งานก็เสร็จพร้อมที่จะลองเปิดไฟทุกดวง ผมจึงบอกให้ทางเจ้าของบ้านมาดูและโทรบอกทางผู้รับเหมาให้มาดูด้วย เขารับทราบและบอกให้ผมเตรียมเอกสารไว้รอ ส่วนทางเจ้าของบ้านไม่ได้มาบอกว่า ผมดูก็รู้เอาไว้รอมิเตอร์มาติดค่อยมาลองที่เดียว. ผมเสียบสายไฟรอผู้รับเหมาตั้งแต่ 13.30 น.จนเกือบมืดเขาจึงมา. คงรู้กันดีนะครับว่า เวลารอนานๆอารมณ์คนรอมันเป็นยังงัย

            พอมาถึงผมก็เก็บสายปลั๊กพอดีเพราะไม่รอแล้ว และมาบอกผมว่า ไม่มีตังให้ได้แค่ 1000 บาท จากนั้นก็เลยมีปากเสียงกันทะเลาะกัน และจะเพิ่มให้อีก 1000 เป็น 2000 บาท ผมบอกเอามาทำอะไรไม่เอา เขาบอกไม่เอาก็ไม่ต้องเอา 

           ผมเก็บของใส่รถเสร็จก็บอกเขาอีกว่า ผมจะไปเบิกเอาที่เจ้าของบ้านเอง. เขาก็โทรไปบอกเจ้าของบ้านว่า ให้ผมแค่  3000 บาท ถ้าเกินจากนั้นเขาไม่รับผิดชอบ   ผมได้คุยแล้วเมื่อตอนกลางวัน. จึงได้เซ็นเอกสารเบิกเงินเป็นหลักฐานเอาไว้ 2 ฉบับ คือ

      1. เซ็นเป็นค่าเบิกจ่ายค่าแรงจำนวน 3000 บาท

       2. เซ็นเอกสารโดยเป็นการยืมเงิน 3000 บาท

       หลังจากได้เงินแล้วผมก็กลับบ้าน ดูเหมือนว่าจะจบแล้วแต่เมื่อเขาได้รับเอกสารจากเจ้าของบ้าน. นับจากวันที่งานเสร็จอีก 3-4 วัน เขาโทรมาบอกให้ไปลองเปิดไฟให้ดู  ผมบอกไปว่าตอนนี้ติดงานอยู่ยังไม่ว่าง อีกอย่างทางเจ้าบ้านบอกยังไม่ต้อง. รอให้มิเตอร์มาติดก่อนค่อยลองมีอะไรจะรับผิดชอบเอง (ผมบอกเขาไป) จากนั้นเขาก็โทรมาเรื่อยๆจนผมไม่รับสาย พอไม่รับก็มีข้อความมาว่า ตังก็ได้ไปหมดแล้วทำไมไม่มาลองไฟให้ดู ถ้าไม่มามีเรื่องแน่ ผมก็เฉย

       ช่วงเย็นก็โทรมาอีก พอรับสายก็มาถามหาสายไฟและของใช้ต่างๆให้เอาไปคืนเขา ผมงงถามว่าสายอะไรก็เขาเอาใส่รถไปหมดแล้วมาถามเอาอะไร. ของใช้ต่างๆผมก็ติดไปหมดแล้วไปดูเอาเอง. เขาบอกสายไฟที่ติดตู้โหลด ผมจึงเข้าใจว่าคือสายไฟเศษที่เหลือจากติดตั้งตู้โหลดแล้ว ผมก็ถามว่ามีมากไหม มันก็แค่เศษสายจะเอาไปใช้อีกก็ไม่ได้ มาถามเอาทำไมตอนนี้ ผมทำเสร็จก็เก็บกวาดไปทิ้งหมดแล้วจะเอาที่ไหนมาให้ผ่านมาหลายวันแล้ว  เขาบอกถ้าไม่เอามาคืนไปคุยกันที่โรงพัก

         หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่เรียกให้ผมไปพบ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและนัดเจรจากับผู้รับเหมา  ผมก็ไปพร้อมกับขอให้เจ้าบ้านไปเป็นพยานด้วย. ในวันนั้นเขาไม่มาก็เลยให้ปากคำในส่วนของผมและเจ้าบ้านไป. และถามเจ้าหน้าที่ว่าเขามาแจ้งความว่าไง  เขามาแจ้งว่าผมกับแฟนลักสายไฟไป ผมถามมีผลักฐานไหม เจ้าหน้าที่บอกมีแต่ยังไม่ให้ดู 

       หลังจากที่ซุักถามกันจนมาถึงตอนวุันมีเรื่อง ตอนจะลองไฟก็นึกขึ้นได้ว่าตอนจำ๊สายเมนไฟมันมีเศษสายอยู่หลังรถก็เลยเอามาให้เจ้าหน้าที่ดูว่าเศษที่เหลือมันแค่ไหน. เขาก็เก็บไว้ และจากนั้นก็พาเจ้าหน้าที่ไปดูหน้างานทึ่ทำไว้ก่อนกลับ

       จากนั้นไปพบอีกรอบให้ผมพิมลายนิวมือคุยกันอีกนิดหน่อย เจ้าหน้าที่นำหลักฐานมาให้ผมดู มีรูปถ่ายของตู้โหลดรูปถ่ายสายไฟของเครื่องทำนำ้อุ่นที่ผมทิ้งสายไว้ และอีกรูปจะเป็นรูปของสายเมนไฟที่อยู่ภายนอกบ้านบริเวณเสาไฟ อ่านดูแล้วถึงรู้ เขามาแจ้งความว่าผมกับแฟนร่วมกันลักทรัพย์ซึ่งเป็นนายจ้างโดยมีสายไฟสีต่างๆ ข้อต่อท่อและน็อต ซึ่งรวมมูลค่าประมาณ 3140 บาท 

      พออ่านเสร็จผมกับแฟนก็เซ็นต์ชื่อโดยระบุว่าไม่ขอรับ แล้วจึงเล่าถึงขั้นตอนการทำงานตั้งแต่ต้นมาเลยเพราะมันมีข้อต่อเข้ามาด้วยซึ่งขั้นตอนท่อนั้นมันทำตอนแรกแล้ว

       ล่าสุดไปพบเจ้าหน้าที่ เขาให้ผมเซ็นต์ชื่อยินยอมมาพบตามนัด ตามวันเวลาที่ระบุ  ถ้าผิดนัดจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย. ผมอ่านแล้วก็เซ็นต์โดยคิดว่าผมไม่ไดทำผิด แล้วก็พาผมกับแฟนไปที่ สำนักงานอัยการ และรอรับใบนัดก่อนกลับ. พอรับใบนัดเจ้าหน้าที่บอกวันนัดและบอกให้เตรียมหลักทรัพย์มาประกันตัวด้วย ผมเลยงงแบบนี้สรุปว่าผมได้ไปลักของเขาแล้วหรือครับ

       คำถามครับไม่รู้จริงๆ

    1. หลักฐานจากภาพถ่าย 3 ภาพ สามารถนำมาเป็นหลักฐานหรือครับ เพราะผมดูแล้วได้ถามเจ้าหน้าที่กลับว่า ตามภาพนี้แสดงว่าผมมาลักของตรงนี้ไปหรือ เขาบอกไม่ใช่เอามาให้ดูว่ามันลัก๋ณะแบบนี้  เพราะภาพทุกจุดของก็ยังอยู่

     2. จากหลักฐานที่มีมันกว้างไปหรือเปล่าครับ ที่ผมเข้าใจคือถ้าไปแจ้งความเจ้าหน้าที่เขาไม่ถามหรือครับว่า ของอะไรหาย. หายไปเท่าไหร่ ที่ไหนและใครเอาไป และสามารถเอาผิดกันได้ด้วยหรือครับ  ถ้าไม่ได้แล้วจะเป็นไงต่อไปครับ

      3.จากข้อมูลที่ผมเล่ามานี้เป็นอันเดียวกับของเจ้าหน้าที่สอบสวน แต่ของเจ้าหน้าที่จะระเอียดกว่านี้นิด เช่น ตอนสอบผมพูดเหตุการณ์ตามลำดับถึงจุดที่คาใจก็จะถามด้วยเลย และถ้าสรุปส่งให้อัยการแล้วจะไปในทิศทางใดครับ

      4.จากเหตุการณ์ที่ผมถามจากเจ้าหน้าที่อัยการและเจ้าหน้าที่พาไปก็บอกให้เตรียมหลักทรัพย์ประกันตัวไว้ ผมกลายเป็นผู้ต้องหาไปแล้วหรือครับ หรือว่าต้องรอให้อัยการอ่านสำนวนดูก่อนค่อยว่ากันครับ เพราะทางตำรวจเขาไม่บอกอะไรเลย

      5. ทางทนายมีอะไรที่ควรรู้หรือปฏิบัตินอกเหนือจากนี้ ช่วยแนะนำผมด้วยครับ. เหตุเกิดเพราะเงิน 6000 บาท

      ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและทุกคำตอบมา ณ ที่นี้ด้วยครับ เพราะสำหรับคนหาเช้ากินคำ่แล้ว มันเป็นเรื่องใหญ่มากครับ. ขอบคุณอีกครั้งครับ

 

 



ผู้ตั้งกระทู้ โอกาสอันน้อยนิดของคนจน :: วันที่ลงประกาศ 2016-06-18 14:59:00


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล