สมัครใจแยกกันอยู่, จงใจละทิ้งร้าง, เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยา สมัครใจแยกกันอยู่, จงใจละทิ้งร้าง, เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยา สมัครใจแยกกันอยู่เกินสามปี, จงใจละทิ้งร้างเกิน 1 ปี, ประพฤติตนเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง, เหยียดหยามบุพการี, ทำให้ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง, ให้อภัยแล้ว, เหตุฟ้องหย่า, สิทธิฟ้องหย่าย่อมหมดไป, พิพากษายกฟ้อง ในคดีนี้ สามีภริยาแยกกันอยู่โดยต่างฝ่ายต่างไม่ได้ไปมาหาสู่กันเป็นเวลา 2 ปี การอ้างเหตุฟ้องหย่าว่าอีกฝ่ายหนึ่งจงใจละทิ้งร้างไปเกิน 1 ปี จึงฟังไม่ขึ้นเพราะเป็นการสมัครใจแยกกันอยู่เพราะไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้ ซึ่งหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง(โจทก์) จะอ้างเรื่องสมัครใจแยกกันอยู่เป็นเหตุฟ้องหย่าจะต้องมีข้อเท็จจริงว่า สมัครใจแยกกันอยู่เกิน 3 ปี แต่ในคดีนี้โจทก์ไม่สามารถอ้างเหตุฟ้องอย่าในเรื่องนี้ได้เนื่องจากยังแยกกันอยู่ไม่ครบ 3 ปี จึงอ้างเหตุจำเลยจงใจละทิ้งร้างมาเป็นเหตุหย่า การที่ฝ่ายใดจะอ้างการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรงในประเด็นเรื่องความผิดเกี่ยวกับชีวิต ฝ่ายที่ถูกกระทำจะต้องไปแจ้งความให้ดำเนินคดี แต่ในคดีนี้โจทก์ไม่ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีภายหลังเกิดเหตุแต่กลับยังคงอยู่กินกันฉันสามีภริยากันต่อไป ศาลฎีกาพิจารณาว่าเป็นเรื่องที่โจทก์ได้ให้อภัยแล้วทำให้สิทธิฟ้องหย่าหมดไป คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6002/2534 โจทก์จำเลยต่างสมัครใจแยกกันอยู่ โจทก์จะกล่าวอ้างว่าจำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ไม่ได้ จำเลยใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ 2 ครั้ง แม้จะเป็นความจริงดังที่โจทก์ฎีกา แต่เหตุเกิดก่อนฟ้องประมาณ 14 ปี และ 4 ปี ตามลำดับไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลย คงอยู่กินด้วยกันตลอดมาแสดงว่าโจทก์ได้ให้อภัยจำเลยแล้ว สิทธิฟ้องหย่าในข้อนี้ย่อมหมดไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1518 โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภรรยากัน มีบุตรด้วยกัน 2 คน จำเลยประพฤติตนเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภรรยาอย่างร้ายแรง โดยหึงหวงโจทก์ ใช้อาวุธปืนพยายามฆ่าโจทก์ถึง 2 ครั้ง ปลอมลายมือชื่อโจทก์ สร้างหนี้สินมากมาย เหยียดหยามบุพการีของโจทก์และกีดกันมิให้โจทก์ส่งเสียเลี้ยงดูบุพการี ทำให้โจทก์ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง โจทก์กับจำเลยจึงแยกกันอยู่ ตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2527 ถือว่าจำเลยจงใจทิ้งร้างโจทก์ ขอให้พิพากษาให้โจทก์หย่าขาดกับจำเลยนับแต่วันฟ้อง หากจำเลยไม่ไปจดทะเบียนหย่าขอให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยและให้บุตรทั้งสองอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของโจทก์ จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่ได้กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภรรยาอย่างร้ายแรง หรือจงใจทิ้งร้างโจทก์ จำเลยเป็นฝ่ายอุปการะเลี้ยงดูบุตรทั้งสองตลอดมา โจทก์ให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูบ้างเป็นจำนวนไม่แน่นอน ขอให้ยกฟ้องโจทก์และพิพากษาให้บุตรอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของจำเลย ให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรสองคนเดือนละ 4,000 บาท นับแต่วันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่าบุตรทั้งสองจะสำเร็จการศึกษาขั้นสูงสุด โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยมีความประพฤติไม่ดีและไม่สามารถอุปการะเลี้ยงดูบุตรทั้งสองให้ได้รับความอบอุ่นหรือได้ดีเท่าโจทก์ ขอให้ยกฟ้องแย้ง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้บุตรทั้งสองอยู่ในความปกครองของจำเลยให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเดือนละ 1,500 บาทต่อหนึ่งคน นับแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2529 จนกว่าบุตรทั้งสองจะบรรลุนิติภาวะ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีประเด็นจะต้องวินิจฉัยว่า จำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ไปเกิน 1 ปีหรือไม่ เห็นว่า ตามฟ้องโจทก์บรรยายว่าโจทก์แยกกันอยู่กับจำเลยตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2527 เป็นต้นมาโดยจำเลยไม่ได้ไปมาหาสู่โจทก์ และโจทก์ก็มิได้ไปหาจำเลยฉันสามีภรรยาตามฟ้องโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นเรื่องโจทก์จำเลยต่างสมัครใจแยกกันอยู่โจทก์จะกล่าวอ้างว่าจำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ไม่ได้ ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ 2 ครั้งเป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีภรรยากันอย่างร้ายแรงนั้น เห็นว่า แม้จะเป็นความจริงดังที่โจทก์ฎีกา แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าเหตุเกิดเมื่อปี 2515 และ 2525 ก่อนฟ้องประมาณ 14 ปีและ 4 ปี ตามลำดับ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลยคงอยู่กินด้วยกันตลอดมา บ่งแสดงให้เห็นว่าโจทก์ได้ให้อภัยจำเลยแล้วสิทธิฟ้องหย่าในข้อนี้ย่อมหมดไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1518 พิพากษายืน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1461 สามีภริยาต้องอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา สามีภริยาต้องช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูกันตามความสามารถและ ฐานะของตน มาตรา 1518 สิทธิฟ้องหย่าย่อมหมดไปในเมื่อฝ่ายที่มีสิทธิฟ้องหย่าได้ กระทำการอันแสดงให้เห็นว่าได้ให้อภัยในการกระทำของอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็น เหตุให้เกิดสิทธิฟ้องหย่านั้นแล้ว สมัครใจแยกกันอยู่เกิน 3 ปี เหตุฟ้องหย่า โจทก์และจำเลยได้ทำบันทึกข้อตกลงสมัครใจแยกกันอยู่.....นับตั้งแต่โจทก์และจำเลยทำนันทึกข้อตกลงแยกกันอยู่ โจทก์และจำเลยไม่ได้ติดต่อข้องเกี่ยวกันฉันสามีภริยาตลอดมา จึงเป็นกรณีที่โจทก์และจำเลยตกลงสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปี |